วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

Space X จะพามนุษยชาติไปดาวอังคาร!

  บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอวกาศสัญชาติอเมริการายนี้ อาจจะเป็นชื่อคุ้นหูของใคร ๆ หลายคน หรือถ้าไม่เคย วันนี้ผู้เขียนจะมาเล่าให้ฟัง ว่าบริษัทนี้เค้าทำอะไร ใครเป็นเจ้าของ รวมถึงเราจะมาพูดกันถึงเป้าหมายของเค้าในการพามนุษยชาติไปดาวอังคารกันด้วย
8681 1
ภาพที่ 1 จรวดของ Space X
ที่มา http://longtunman.com/1348

8681 2
ภาพที่ 2 Elon Musk
ที่มา http://longtunman.com/1348
Space X คืออะไร?
        บริษัทนี้มีชื่อเต็ม ๆ ว่า Space Exploration Technologies Corp. บริษัทนี้เป็นหนึ่งในหลายบริษัทที่คน ๆ นึงเป็นเจ้าของ คนนั้นคือ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) นั่นเอง โดยคุณมัสก์เนี่ยเป็นคนที่มีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ เค้าหวังว่าเค้าจะเป็นคนที่จะสร้างจรวดและพัฒนาโครงการอวกาศที่จะพาคนเดินทางสู่ดาวอังคารภายในปี 2022 !!!
8681 3

ภาพที่ 3 Space X LOGO
ที่มา https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_Falcon_9_and_Falcon_Heavy_launches

แล้วทำไมต้องไปดาวอังคารกันด้วยล่ะ?
        ก็ในเมื่อเรามีโลกอยู่แล้วเนี่ยเราจะไปดาวอังคารทำไม สำหรับคำตอบของคำถามนี้น่าจะเกิดมาจากทั้งความมีวิสัยทัศน์ ความวิตกกังวล และความเป็นห่วงของคุณมัสก์ที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ ในสมัยที่เค้ายังเป็นหนุ่มเค้าเกิดความคิดขึ้นมาว่ามนุษย์จะล้นโลก โลกจะไม่พอให้ประชากรมนุษย์ที่มีอัตราการเกิดสูงขึ้นเรื่อย ๆ อยู่อาศัยได้อีกต่อไป รวมไปถึงจะเกิดภาวการณ์ขาดแคลนอาหารครั้งยิ่งใหญ่ นี่จึงเป็นที่มาของการก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้น เพื่อไปตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ดาวอังคารนั่นเอง

8681 4
ภาพที่ 4 จรวดรุ่นต่างของ Space X
ที่มา https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_Falcon_9_and_Falcon_Heavy_launches

แล้วตอนนี้โครงการก้าวหน้าไปแค่ไหนแล้ว
       ต้องบอกเลยว่าโครงการต่าง ๆ ตอนนี้ของ Space X มีความก้าวหน้ามาก เพราะเป็นบริษัทเอกชนที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐของประเทศสหรัฐอเมริกา อาทิเช่น NASA และภาคส่วนอื่น ๆ ที่ต้องการใช้จรวดของ Space X (ในการปล่อยดาวเทียม) ทำให้ตอนนี้ Space X มีจรวดที่มีความสามารถนึงที่เรียกว่า Reusable Rocket หรือก็คือจรวดที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ (เหมือนถุงผ้าเลย) ซึ่งมันมีความพิเศษตรงที่ว่าในสมัยอดีตเนี่ย จรวดทุกลำจะถูกใช้แค่ 1 ครั้งเท่านั้น ใช้แล้วก็ต้องทิ้ง สิ้นเปลืองทั้งเงินทุนและพลังงานเป็นอย่างมาก แต่ไม่ใช่กับ Space X พวกเค้ามีจรวดที่ชื่อว่า Falcon 9 ที่มีความสามารถในการนำกลับมาใช้ใหม่ได้ (อาจจะนำมาใช้เป็นจรวดรับ-ส่งผู้โดยสารก็เป็นได้) นอกจากนี้ Space X ยังมีจรวดในสังกัดอีกมาก ไม่ว่าจะเป็น Falcon Heavy จรวดยักษ์ที่ทรงพลังมากที่สุดในโลก, ยานอวกาศ Dragon ยานอวกาศที่จะพาชาวอเมริกันกลับขึ้นสู่สถานีอวกาศนานาชาติด้วยยานอวกาศสัญชาติอเมริกัน และแผนการในอนาคต ที่จะใช้จรวดขนาดยักษ์ที่เรียกกันเล่น ๆ ว่า BFR - Big Fucking Rocket พามนุษย์เดินทางสู่ดาวอังคารภายในปี 2022
       จากนี้เราก็คงต้องมาติดตามกันว่าอีลอน มัสก์ จะสามารถทำให้เป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของเค้าเป็นจริงได้รึเปล่า จะพามนุษยชาติไปตั้งรกรากที่ดาวอังคารได้จริงไหม เค้าจะกลายเป็นตำนานที่พามนุษย์ไปดาวอังคารได้ครั้งแรก หรือจะเป็นตำนานคนขี้โม้ แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง อีลอน มัสก์ เค้ามีเป้าหมายและความฝัน และท่านผู้อ่านก็ต้องมีเป้าหมายและความฝัน วันนี้อีลอน มัสก์ เค้าทำตามฝันเค้าแล้ว โดยผ่านการวางแผนมาเป็นอย่างดี เค้าถึงไม่กลัวที่จะล้มเหลว เพราะถ้ามันล้มเหลว นั่นจะเป็นเรื่องสุดวิสัย เป็นเรื่องที่เค้าควบคุมไม่ได้ แล้วท่านผู้อ่าน มีความฝัน แล้วมี “ทำฝัน” รึยัง?
แหล่งที่มา
Nattanon Dungsunenarn. (2558, 28 กันยายน). SpaceX คืออะไร รู้จักกับบริษัทอวกาศที่มาแรงที่สุด ณ ตอนนี้. สืบค้นเมื่อ 25 สิงหาคม 2561, จาก https://nutn0n.com/spacex-fail/
ลงทุนแมน. (24 กรกฎาคม 2560). ELON MUSK ฉบับสมบูรณ์. สืบค้นเมื่อ 25 สิงหาคม 2561, จาก http://LONGTUNMAN.COM/1348

วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

วิทยาศาสตร์อธิบายประสบการณ์ใกล้ตายได้หรือไม่?




   การทำความเข้าใจถึงประสบการณ์ใกล้ตายของมนุษย์ เป็นเรื่องที่ยากเช่นเดียวกับการตอบคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่มนุษย์ได้ตายแล้ว เหตุการณ์ที่บอกใบ้หรือเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนที่เคยประสบอยู่ในสถานการณ์ใกล้ตาย อาทิ แสงสีขาวสว่างที่ปลายอุโมงค์ยาว การได้พบกับญาติที่เสียไป หรือในบางครั้งอาจเป็นการพบกันอีกครั้งของสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รัก อย่างไรก็ตามเหตุการณ์เหนือธรรมชาติเช่นนั้น วิทยาศาสตร์สามารถอธิบายได้ เช่ารถกรุงเทพ

ประสบการณ์ใกล้ตายคืออะไร

          ประสบการณ์ใกล้ตาย (near-death experience) เป็นเหตุการณ์ทางจิตวิทยาที่ลึกซึ้ง พร้อมด้วยองค์ประกอบที่ลึกลับ โดยทั่วไปแล้วจะเกิดขึ้นในคนที่ใกล้ตาย หรืออยู่ในสถานการณ์ที่มีความเจ็บปวดทางร่างกายหรืออารมณ์อย่างรุนแรง แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้หลังจากเกิดอาการหัวใจวาย การบาดเจ็บที่สมอง หรือแม้แต่ในระหว่างการทำสมาธิ และเป็นลมหมดสติ (อาการหมดสติเนื่องด้วยความดันโลหิตลดลง)

          ประสบการณ์ใกล้ตายที่ถูกบอกเล่าผ่านผู้ที่เคยประสบด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่จะให้ผลบวก ทั้งยั้งช่วยลดความวิตกกังวล และเพิ่มความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หลังจากที่ได้พิสูจน์เห็นแล้วถึงชีวิตหลังความตาย  แต่ทั้งนี้ประสบการณ์ใกล้ตายบางครั้งก็ให้ผลในทางลบ และกระทบกับความรู้สึก เนื่องจากการขาดการควบคุมและตระหนักรู้ถึงความไม่มีอยู่ ภาพชั่วร้าย หรือการรับรู้การตัดสินจากสิ่งที่สูงกว่า แต่ถึงเป็นเช่นนั้นวัฒนธรรมและอายุอาจส่งผลกระทบต่อผู้ที่มีประสบการณ์ใกล้ตายด้วยเช่นกัน

          เหตุใดประสบการณ์ใกล้ตายจึงเกิดขึ้น?

          Olaf Blanke และ Sebastian Dieguez นักประสาทวิทยาได้เสนอทฤษฎีของประสบการณ์ใกล้ตายไว้ 2 ประเภท โดยประเภทแรกนั้นเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสมองซีกขวาในส่วนของ bilateral frontal และ occipital lobe ซึ่งส่วนใหญ่มีผลต่อ right temporal parietal junction ก่อให้เกิดปรากฏการณ์จิตหลุดออกร่าง (out-of-body experience) ความรู้สึกเหมือนลอยได้ และความรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของเวลา ในขณะที่อีกประเภทหนึ่งเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสมองซีกซ้าย

          ในส่วนของ bilateral frontal และ occipital lobe เช่นเดียวกัน และความเสียหายของสมองในซีกนี้จะมีผลต่อ left temporal parietal junction นำไปสู่การเกิดขึ้นของความรู้สึกถึงการมีอยู่ของผู้อื่นหรือสิ่งอื่นทั้งที่ไม่ได้ยินหรือเห็น (feeling of presence) การมองเห็นแสงสว่างรอบตัวเอง รวมถึงการสื่อสารกับวิญญาณด้วย       

          สมองส่วน temporal lobes มีบทบาทสำคัญต่อประสบการณ์ใกล้ตาย โดยสมองส่วนนี้จะเกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลข้อมูลทางประสาทสัมผัสและความทรงจำ ดังนั้นหากมีกิจกรรมที่ผิดปกติเกิดขึ้นในส่วนของสมองส่วนนี้จึงสามารถสร้างการรับรู้และความรู้สึกที่ประหลาดไปจากเดิมได้

          แม้จะมีหลายทฤษฎีที่ถูกนำเสนอเพื่อใช้อธิบายประสบการณ์ใกล้ตาย แต่การไปถึงจุดที่เป็นสาเหตุที่แท้จริงนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก ผู้ที่นับถือศาสนาต่าง ๆ เชื่อว่า ประสบการณ์ใกล้ตายเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงชีวิตหลังความตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแยกออกจากกันระหว่างวิญญาณและร่างกาย ในขณะที่คำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ต่อประสบการณ์ใกล้ตายจะหมายความรวมถึง บุคลิกวิปลาส (Depersonalisation Disorder) ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดตัวตนใหม่ที่แยกออกจากตัวตนเดิมเป็นความรู้สึกที่แบ่งแยกระหว่างโลกทางกายภาพกับสิ่งที่คิด ทั้งนี้มักจะรู้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่จริง แต่ก็ไม่สามารถควบคุมได้

          อย่างไรก็ดี ยังคงมีหลายทฤษฎีที่ถูกนำเสนอเพื่ออธิบายสิ่งเหล่านี้ นักวิจัยบางท่านอธิบายว่า ความเครียดจากความตายปูทางไปสู่การระลึกถึงการเกิดใหม่อีกครั้ง นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ผู้ที่เคยประสบกับเหตุการณ์ใกล้ตายมองเห็นแสงสว่างในอีกฟากหนึ่งอุโมงค์ ในขณะที่นักวิจัยบางท่านอ้างว่า ฮอร์โมนเอ็นโดฟินที่ปล่อยออกมาในระหว่างสถานการณ์ความเครียดอาจสร้างประสบการณ์ใกล้ตาย โดยการลดความเจ็บปวดและเพิ่มความรู้สึกสบาย ในทำนองเดียวกัน ยาชา เช่น คีตามีน (ketamine) สามารถช่วยในการจำลองปรากฏการณ์จิตหลุดร่างได้ หรือแม้แต่ในบางทฤษฎีแนะว่า ประสบการณ์ใกล้ตายเกิดขึ้นจาก dimethyltryptamine (DMT) ซึ่งเป็นสารหลอนประสาทที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในพืชบางชนิด แต่โดยรวมแล้วทฤษฎีที่เกี่ยวกับสารเคมีนั้นยังไม่มีความแม่นยำและไม่สามารถอธิบายประสบการณ์ที่ใกล้ตายได้อย่างเต็มรูปแบบในแง่ของการอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่ประสบกับความตาย

          นอกจากนี้ นักวิจัยบางท่านได้อธิบายถึงประสบการณ์ใกล้ตายผ่านการขาดออกซิเจนของสมอง (cerebral anoxia) โดยได้ยกกรณีของนักบินที่ประสบภาวะหมดสติระหว่างการเร่งความเร็วของเครื่องยนต์นั้น ซึ่งได้รับการบอกเล่าถึงการการมองเห็นอุโมงค์ ทั้งนี้การขาดออกซิเจนอาจทำให้เกิดการชักของสมองส่วน Temporal lobe ซึ่งเป็นสาเหตุของการมองเห็นภาพหลอน (hallucinations) โดยเหตุการณ์ดังกล่าวอาจคล้ายกับประสบการณ์ใกล้ตาย

          อย่างไรก็ดี คำอธิบายที่แพร่หลายที่สุดสำหรับประสบการณ์ใกล้ตายคือ สมมติฐานของสมองที่กำลังจะตาย (dying brain hypothesis) ซึ่งเสนอว่า ประสบการณ์ใกล้ตายเป็นภาพหลอนที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมในสมองเมื่อเซลล์เริ่มตายแล้วและเมื่อเกิดขึ้นในช่วงเวลาวิกฤติ ผู้รอดชีวิตจากความตายจึงมีเรื่องราวที่บอกเล่าต่อกันมาได้ และแม้ว่าสมมติฐานนี้จะมีความเป็นไปได้ แต่ปัญหาก็คือยังไม่สามารถใช้เพื่ออธิบายลักษณะที่อาจเกิดขึ้นระหว่างประสบกับความตายได้ เช่น เหตุใดจึงปรากฏการณ์จิตหลุดออกจากร่าง เป็นต้น  ทั้งนี้ปัจจุบันยังไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนว่า เหตุใดประสบการณ์ใกล้ตายจึงเกิดขึ้น แต่ความมุ่งมั่นในการทำวิจัยอย่างต่อเนื่องของนักวิจัยยังคงมีความประสงค์อย่างแรงกล้าที่จะเข้าใจปรากฏการณ์ที่ยังคงเป็นปริศนาเหล่านี้

          ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์เหนือธรรมชาติหรือเป็นประสบการณ์ใกล้ตายที่วิทยาศาสตร์สามารถอธิบายได้ สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีความสำคัญยิ่ง ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเผชิญกับความตายได้มอบความหมาย ความหวัง และเป้าหมายให้คนจำนวนมากได้ตระหนักถึงความปรารถนาของมนุษย์ที่ต้องการมีชีวิตรอดหลังความตาย

แหล่งที่มา

Neil Dagnall and Ken Drinkwater. (2018, Dec 4). Are near-death experiences hallucinations? Experts explain the science behind this puzzling phenomenon. Retrieved December 28, 2018, From https://theconversation.com/are-near-death-experiences-hallucinations-experts-explain-the-science-behind-this-puzzling-phenomenon-106286

Robert Mehling, and Travis Nye. (2018, July 24). Macabre Grimoire Chapter 9 Near Death Experiences.

Retrieved December 28, 2018, From https://thesiouxempire.com/macabre-grimoire-chapter-9-near-death-experiences/

วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

กล้วยน้ำว้า




เมื่อเอ่ยถึงกล้วยน้ำว้าทุกคนก็คงจะรู้จักกันเป็นอย่างดี  และเคยรับประทานกันมาแล้วทั้งนั้น  กล้วยน้ำว้าเป็นกล้วยที่มีอยู่คู่กับคนเรามานานตั้งแต่โบราณ  กระจายอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ  จึงมีชื่อเรียกตามแต่ละท้องถิ่นมากมาย  เช่น  กล้วยนาก  กล้วยหอมจันทร์  กล้วยมะลิอ่อง  กล้วยสะกุย  กล้วยเจก  กล้วยแลหก  และคงจะมีชื่อเรียกอีกเป็นชื่อพื้นเมืองต่าง ๆ กล้วยน้ำว้ามีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  เมื่อหลายพันปีมาแล้ว  และแพร่พันธุ์กันมาเรื่อย ๆ  จนกระทั่งแจจุบันเป็นกล้วยที่ปลูกกันตามบ้านทั่ว ๆ ไป เช่ารถ



กล้วยน้ำว้า เป็นไม้ล้มลุกขนาดใหญ่  มีความสูงตั้งแต่ 2 – 9 เมตร  มีลำต้นอยู่ใต้ดินเรียกว่าเหง้า  ส่วนที่โผล่ขึ้นมาเหนือดินแท้จริงไม่ใช่ลำต้นเป็นเพียงส่วนของก้านใบมีลักษณะที่เรียกว่ากาบห่อหุ้มเรียงสลับอัดกันแน่นดูคล้ายกับลำต้น  ส่วนใบเป็นใบเดี่ยว  แผ่นใบใหญ่  มีสีเขียว  เรียกว่าใบตอง



ผลของกล้วยน้ำว้าขณะที่ยังดิบอยู่เนื้อกล้วยจะแข็งมีรสฝาด  เนื้อมีสีขาว  ยังไม่มีกลิ่นหอมของกล้วย  เปลือกของผลดิบแข็ง  มีสีเขียวเข้ม  ปอกยาก  แต่เมื่อตัดจากลำต้นแล้วประมาณ 10 วัน เปลือกจะมีสีเหลืองตลอดลูก  ตกกระเป็นจุด ๆ มีกลิ่นหอมชวนรับประทาน  มีรสหวาน เปลือกปอกได้ง่าย  ผลกล้วยสุกเรานำมาทำอาหารได้กลายอย่าง  เช่น  กล้วยเชื่อม  กล้วยตาก  กล้วยบวชชี  กล้วยแขก  กล้วยปิ้ง  รับประทานเป็นยาระบายอ่อน ๆ เป็นอาหารเสริมสำหรับทารก

คุณค่าทางอาหารของกล้วยน้ำว้า กล้วยน้ำว้าเป็นพันธุ์ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วนทั้งลำต้น  ใบ  ดอก  ผล  โดยเฉพาะผลกล้วยน้ำว้าที่สุกแล้ว  มีสารอาหารที่มีประโยชน์แก่ร่างกายหลายชนิด  ซึ่ง กองโภชนาการ  กรมอนามัย  กระทรวงสาธารณะสุข  ได้วิเคราะห์คุณค่าอาหารของกล้วยน้ำว้าสุกไว้ดังนี้ครับ


กล้วยน้ำว้าสุก 100 กรัม  มีปริมาณสารอาหารดังนี้




1. ให้พลังงาน                      122  กิโลแคลอรี                8.  ไนอาซิน               0.6  มิลลิกรัม

2. โปรตีน                          1.2  กรัม                        9.   วิตามิน  ซี           14.0  มิลลิกรัม

3. คาร์โบไฮเดรต             26.1  กรัม                       10.  แคลเซียม            12.0  มิลลิกรัม

4. ไขมัน                          0.3   กรัม                       11.  ฟอสฟอรัส          32.0  มิลลิกรัม

5. วิตามิน เอ                     375   หน่วยสากล                12.  เหล็ก                 0.8  มิลลิกรัม

6. วิตามิน บี 1                  0.03   มิลลิกรัม                   13.  น้ำ                    7.6   กรัม

7. วิตามิน บี 2                  0.04    มิลลิกรัม




ภาพ http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1398867

ปรับปรุง = พัฒนา


ช่วงหนึ่งได้ใช้เวลาไปปรับแก้เว็บไซต์หนึ่งของผม ที่ให้บริการด้านอบรมพนักงาน ทีมบิ้วดิ้ง โดยคิดไปปรับปรุงทั้งหน้าตาเว็บไซต์และเนื้อหา แม้ว่าจะมีแผน มีเป้าหมายอยู่แล้วในใจ แต่ในกระบวนการปรับปรุง ที่ไม่ได้เป็นการทำใหม่ เราก็ย่อมต้องทบทวนดูของเก่าก่อนในช่วงนี้เองทำให้พบ แง่คิดหนึ่งที่ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาตนเอง หรือทำธุรกิจบางทีการพัฒนาไม่ใช่สร้างอะไรใหม่ แค่ใช้เวลาหันมาปรับปรุงบางอย่างก็ให้ผลมากมาย จึงกลายมาเป็นบทความดีๆ ที่คงได้แง่คิดอะไรกันไปบ้าง
การปรับปรุงเว็บ ในแง่หน้าตาเว็บไซต์ ยุคสมัยนี้ ไม่ได้สำคัญมากนัก หากไม่ทำให้แย่เกินไป สิ่งที่สำคัญกว่าคือเนื้อหา โดยอย่างยิ่งหากมันเป็นสินค้าบริการที่ผู้ซื้อต้องมีข้อมูลก่อนตัดสินใจ หรือใช้เพื่อเปรียบเทียบ
เดิมที่นั้นผมมีเป้าหมายให้เว็บไซต์ทำการตลาดกับ Search Engine หรือการค้นหา และในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เว็บไซต์ทำการตลาดตัวเองได้ดีเยี่ยมคือการไต่อันดับไปติดหน้าแรก google ในคำที่ต้องการและไปไกลกว่าที่คาดคิดพอควร ทว่ายอดขายหรือการตอบรับ กลับตรงกันข้าม..
คงต้องเรียกว่าชะล่าใจไปเอง ก็ในเมื่อเป้าหมาย ที่จะเขียนเนื้อหาให้ติดหน้าแรกสำเร็จแล้ว จึงวิเคราะห์ไปว่ายอดขายไม่ดีนั้นคงเกิดจาก เศรษฐกิจที่ไม่ดี ซึ่งทางการตลาดถือว่าเป็น ปัจจัยภายนอก ที่เราควบคุมไม่ได้ และคิดไปอีกว่า สินค้าบริการที่มีอยู่นั้นยังไม่ครอบคลุมดีพอ ผมจึงหันไปพัฒนาส่วนเสริม เพิ่มเติมบริการบางอย่างแทน ซึ่งแง่การตลาดก็ถือว่าดีอีกนั่นแหละ เพราะก็มีสนใจมาเรื่อยๆ แต่..
การบริการส่วนนั้นเป็นเพียงเรื่องเดียวและส่วนอื่นๆ ที่เหลือยังคงเงียบหายเช่นเคย มันสร้างความแปลกใจไม่น้อย ผมโทษเอาต่อไปว่าอาจมีการตัดราคาซึ่งไม่ใช่นโยบายที่ผมจะทำ เพราะถือว่าราคาของเราเหมาะสมหรือถือว่าถูกแล้วด้วยซ้ำ ในเชิงกลยุทธ์ธุรกิจ ผมรับได้ที่จะอดทน เพราะมีไม่น้อยเลยในธุรกิจนี้เกิดมาและจากไป และอัตราการจากไปมากกว่าอยู่รอด
จนวันนี้มาได้ปรับปรุงเว็บไซต์ และพบว่า เนื้อหาที่ได้เขียนในหน้า landing page (หน้าหลักที่แสดงรายละเอียดสินค้าบริการนั้นๆ ต่อผู้ชม) มันเขียนจำกัดตัวเองไว้ ด้วยเหตุผลเจาะกลุ่มลุกค้าเล็กๆ ในช่วงแรก และไม่ได้เข้าไปเปลี่ยนแปลงเลย เมื่อลูกค้าที่ไม่ใช่เป้าหมายเข้ามาจากทั่วสารทิศ ย่อมคิดว่า นี่ ไม่ใช่สินค้าที่เขาต้องการ หรือเราพร้อมที่จะบริการเขา เขาดูแล้วก็ย่อมผ่านไป
การติดต่อมาบ้างประปรายของลูกค้า นั่นยิ่งทำให้เรามองว่าเป็นเพราะปัจจัยอื่น แต่พอพบสาเหตุที่แท้จริง ทำให้ทบทวนและคิดได้ว่าที่ลูกค้าน้อยนิดติดต่อมานั้นเพียงเพราะ ไม่คิด ไม่ชอบ ไม่ได้สนใจเนื้อหา ตัดตอนโดยใช้วิธีโทรหาติดต่อตรง
ทั้งหมดจึงเป็นบทความแง่คิดเรื่องนี้ว่า..
เดิมที ที่มองว่าตอนนี้พัฒนาอะไรไม่ได้ เพราะปัจจัยภายนอกไม่ดี แต่ความบังเอิญที่กลับมาปรับปรุงนี้ทำให้เห็นส่วนหนึ่งของปัญหาชัดเจน และมันเป็นการปรับปรุงที่ทำให้ คาดว่าจะพัฒนาได้อย่างแน่นอนเพราะเป็นส่วนสำคัญและแตกต่างจากเดิมพอสมควร จึงทำให้คิดต่อไปอีกว่า อันที่จริงแล้ว การพัฒนา ไม่ใช่ว่าแค่จะ “สร้าง” สิ่งใหม่ๆ หรือเสริม เติมอะไรเพิ่มเสมอไป แต่การกลับมาเปลี่ยนแปลง ปรับปรุง ในสิ่งที่มีอยู่ หรือเคยทำไปแล้ว ก็เป็นการพัฒนาก้าวใหญ่ๆ ได้เหมือนกัน..
เพิ่มเติม : ผมเขียนเรื่องนี้ครั้งแรกลง Facebook Page เป็นต้นฉบับสด (คิดได้ก็เขียน Post ลงไป) ก่อนจะเขียนลงเว็บไซต์ประมาณ 1 อาทิตย์และกลับไปปรับปรุงหน้า Landing Page ต่างๆ ผลลัพธ์ดีขึ้นดังที่ได้กล่าวไป เพราะหน้าที่เนื้อหาไม่สมบูรณ์นั้นติดต่อมาเรื่อยๆ อย่างเห็นได้ชัด ก็ลองกลับไปดู ทบทวนบางสิ่งบางอย่างที่เราทำไปให้ดีๆ แล้ว ปรับปรุง มัน สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่าทำไม อะไรๆ ไม่เป็นไปตามแผนหรือพัฒนา ถ้าพบสิ่งที่ช่วยพัฒนาได้ กลับมาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ

วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

วิศวกรผู้ออกแบบเครื่องบินเค้าคิดอะไรกันบ้าง?

สำหรับเพื่อการดีไซน์เครื่องไม้เครื่องมือหรือเครื่องจักร อะไรก็ตาม วิศวกรผู้ออกแบบก็จะมีแบบแผนขั้นตอนสำหรับในการวางแบบที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมา เพื่อช่วยทำให้คนที่ดีไซน์วัสดุอุปกรณ์ต่างๆมีการดำเนินการที่ถูก เป็นขั้นเป็นตอน ไม่ลืมขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งไป สำหรับเรือบินเองก็เป็นเช่นกัน วิศวกรที่จำเป็นต้องทำดีไซน์เรือบินก็จะมีแบบแผนสำหรับเพื่อการวางแบบที่ถูกเขียนขึ้นมาสำหรับใช้วางแบบเรือบินโดยยิ่งไปกว่านั้น ซึ่งได้ถูกแบ่งได้ประเด็นต่างๆดังต่อไปนี้ เช่ารถ



จุดมุ่งหมายสำหรับเพื่อการใช้งานเรือบินลำนั้น หรือ ภารกิจที่เรือบินลำนั้นจำเป็นต้องทำ ได้แก่ ต้องการจะสร้างเรือบินที่ใช้เพื่อการการขาย หรือสร้างเรือบินสำหรับในการทหาร หรือจะเป็นการสร้างเรือบินที่ใช้ประโยชน์เพื่อการขนส่งผลิตภัณฑ์โดยยิ่งไปกว่านั้น
ชนิด และก็ ปริมาณของสิ่งที่จะบรรทุก เป็นต้นว่า ถ้าเกิดปรารถนาดีไซน์เพื่อสร้างเรือบินขนส่งทางการซื้อขาย สิ่งที่จะจำต้องบรรทุกก็บางครั้งอาจจะเป็นพวกเชื้อเพลิง ผลิตภัณฑ์ แล้วก็ผู้โดยสาร แต่ว่าถ้าอยากวางแบบเพื่อสร้างเรือบินด้านการทหาร สิ่งที่บรรทุกก็จะเป็นอาวุธยุทธภัณฑ์ต่างๆ
ความเร็วสูงสุดที่เรือบินทำเป็น และก็ ความเร็วธรรมดาที่ใช้เพื่อสำหรับในการการบิน การกำหนดความเร็วที่เรือบินทำเป็นจะสามารถทำให้การออกแบบมีขอบเขตที่แคบลงอย่างยิ่งเพราะเหตุว่าสามารถจำกัดในเรื่องของ Performance ความสามารถของเรือบิน ความแข็งแรง ขนาด น้ำหนัก รวมทั้งราคา รวมทั้งความน่าจะเป็นไปได้สำหรับเพื่อการสร้าง สำหรับเรือบินขึ้นรถโดยธรรมดาจะมีความเร็ว Maximum Speed ที่โดยประมาณ 0.8 - 0.9 มัค
ความสูงธรรมดาที่ใช้ทำการบิน การจำกัดในเรื่องของความสูงสำหรับการกระทำการบินก็เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างเดียวกัน เพราะเหตุว่าจะสามารถช่วยทำให้คนที่ดีไซน์ทราบถึงการเลือกใช้งานเครื่องจักรได้ถูก รวมทั้งช่วยทำให้ทราบขอบเขตสำหรับการดีไซน์ระบบปรับอากาศในตัวเรือบินด้วย (เรือบินที่ทำงานบินสูงขึ้นมากยิ่งกว่า 8000-10000 ฟุต ต้องมีระบบปรับอากาศรวมทั้งระบบปรับความดันแบบพิเศษเพื่อผู้โดยสารรวมทั้งลูกเรือสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่เป็นอันตราย) อีกประการหนึ่งเป็น เรือบินที่มีเพดานบินที่สูงกว่าจะสามารถเดินทางได้ไกลกว่าอีกด้วย สำหรับเรือบินการค้าขายที่พวกเราเห็นตามท่าอากาศยานจะทำบินที่ความสูงโดยประมาณ 30,000 – 40,000 ฟุต
ระยะทางซึ่งสามารถเดินทางได้ไกลสุด การกำหนดในเรื่องของระยะทางเดินทางสูงสุดจะส่งผลอย่างยิ่งต่อน้ำหนักของเรือบิน ด้วยเหตุว่าเรือบินที่เดินทางได้ไกลก็แปลว่าควรต้องบรรทุกเชื้อเพลิงมากขึ้นเรื่อยๆตามไปด้วย
ช่วงเวลาที่ทำงานบินได้นานที่สุด เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่มีความจำเป็นมากมายนอกเหนือจากการที่จะจำต้องพิจารณาถึงเวลาสำหรับเพื่อการกระทำการบินไปถึงจุดหมายปลายทางแล้วยังจำเป็นต้องนึกถึงช่วงเวลาที่จะจำเป็นต้องกระทำบินเหนือท่าอากาศยานจุดหมายปลายทางเพื่อคอยสัญญาณจากหอพักควบคุมการบินให้อนุญาตให้นำเครื่องบินลงจอดได้ ซึ่งบางทีบางทีอาจจะต้องรอนานถึง 30 นาที
ระยะทางที่ใช้สำหรับการ TAKE OFF ในระหว่างที่มีน้ำหนักบรรทุกเยอะที่สุด เพราะเหตุว่าระยะทางดังที่กล่าวถึงแล้วจะส่งผลต่อการเลือกท่าอากาศยานที่เรือบินลำนั้นสามารถกระทำบินได้
ระยะทางที่ใช้สำหรับเพื่อการ LANDING เมื่อมีนำหนักเชื้อเพลิงเหลืออยู่ 50% จะคล้ายกับข้อที่แล้วเป็นส่งผลต่อการเลือกใช้งานท่าอากาศยานที่เรือบินลำนั้นสามารถดำเนินการได้ (สามารถนำเครื่องขึ้นและก็ลงหยุดได้โดยสวัสดิภาพ)
ราคา เกิดเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมากอีกทั้งสำหรับบริษัทผู้ผลิต แล้วก็ ลูกค้าผู้บริโภคเรือบินไปใช้งานซึ่งธรรมดาก็จะเป็นสายการบินต่างๆ
อื่นๆตัวอย่างเช่น การตกแต่งด้านใน การใส่เทคโนโลยีใหม่ๆที่ช่วยนักบินสำหรับในการทำบิน เครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับช่วยในด้านสำหรับอำนวยความสะดวกต่างๆสำหรับผู้โดยสาร
นี่เป็นเพียงแต่ขั้นตอนอย่างคร่าวๆสำหรับในการวางแบบเพียงแค่นั้นซึ่งก็จะมองเห็นได้ว่า งานทางด้านวิศวกรรมนั้นเป็นงานที่มีแบบแผนละเอียด ผู้ทำงานทางด้านวิศวกรรม ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการซ่อมแซมหรือการออกแบบก็เลยจึงควรมีความรอบคอบ สามารถคิดอย่างเป็นขั้นเป็นตอนได้ มีตรรกะสำหรับในการคิดและก็การพูดที่ดี แล้วก็จะต้องให้ความใส่ใจกับความปลอดภัยต่อทั้งยังตัวเองรวมทั้งคนอื่นๆมาเป็นลำดับแรก

ที่มาที่ไป

Corke,Thomas,C. (2002). Design of Aircraft (1st edition). United States of America: Pearson Education Inc.

ความลับของใยแมงมุม

Spider Man คงจะจะต้องเป็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ทุกคนเคยดูหรือถ้ายังไม่เคยนักเขียนก็ขอเสนอแนะ ซึ่งในรูปภาพยนต์นั้นพวกเราจะมองเห็นพลังพิเศษของตัวนำที่ได้รับมาจากลักษณะพิเศษของแมงมุม ดังเช่นว่า การชูของที่หนักมากยิ่งกว่าตนเองได้หลายเท่าตัว การปีนป่ายปีนไปตามกำแพงหรืออาคารสูงได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องใช้ไม้สอยช่วย รวมทั้งการพ่นใยที่ทั้งยังมีความยืดหยุ่นสูงรวมทั้งทนต่อแรงดึงได้สูงมากมาย (ถึงกับขนาดชูรถยนต์ได้) ซึ่งหากพวกเราจะมาทดลองพิเคราะห์มองว่าแล้วถ้าหากเป็นในชีวิตจริงถ้าหากว่ามีใยแมงมุมที่มีขนาดพอๆกับในรูปภาพยนต์ ใยแมงมุมนั้นจะมีคุณภาพราวกับในหนังไหม



ใยแมงมุม หรือ Spider Web ถูกทำขึ้นจากอวัยวะหนึ่งของแมงมุมที่ชื่อว่า “ต่อมผลิตเส้นใย” โดยการนำโปรตีนมาเปลี่ยนแปลงให้เปลี่ยนเป็นเส้นใย คล้ายกับการนำของเหลวมาแปลงให้แปลงเป็นของแข็งแต่ว่าไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงสถานะแค่นั้น ใยแมงมุมยังมีการจัดถักทอเส้นใยในแบบที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตจำพวกอื่นทำเป็น ซึ่งด้วยการถักทอที่แสนพิเศษนี้เอง ที่ทำให้ใยแมงมุมมีลักษณะเด่นมากมายก่ายกอง ดังเช่นว่า แม้เปรียบในเรื่องของความแข็งแรง ใยแมงมุมจะมีความแข็งแรงมากยิ่งกว่าเส้นใยไนลอนที่เป็นเส้นใยสังเคราะห์ แล้วก็ถ้าเกิดเปรียบในเรื่องของจำนวนร้อยละความยืดหยุ่นเส้นใยแมงมุมนั้นจะมีปริมาณร้อยละความยืดหยุ่นมากยิ่งกว่าอีกทั้ง เส้นใยไหม เส้นไยไนลอน เส้นใยคาร์บอน และก็เส้นใยเหล็ก (เปรียบในจำนวนที่เสมอกัน)

แล้วอะไรทำให้เส้นใยแมงมุมมีคุณลักษณะสำหรับเพื่อการยืดหยุ่นได้ดิบได้ดีขนาดนี้ คำตอบของปัญหานี้คงจะจะต้องมองดูลึกไปถึงส่วนประกอบของเส้นใย ถ้าเกิดพวกเรานำเส้นใยแมงมุมมาวางและก็ตัดขวาง พวกเราจะมีความเห็นว่าศูนย์กลางของเส้นใยนั้นเป็นส่วนของโปรตีนที่มีชื่อว่า Spidroin (สไปโดอิน) รวมทั้งจะถูกล้อมด้วยไกลวัวโปรตีนเป็นชั้นกึ่งกลาง และก็ตามด้วยไขมันเป็นชั้นในที่สุด นอกเหนือจากนั้นส่วนประกอบทางโมเลกุลของเส้นใยยังมีอีกทั้งส่วนที่เรียบร้อย (เป็นลักษณะผลึก) รวมทั้งส่วนที่มิได้เรียงแบบอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ร่วมกัน ทำให้มีส่วนประกอบทางโมเลกุลแบบผสม ซึ่งมีผลต่อคุณลักษณะทางด้านกายภาพที่ดีของใยแมงมุม จนกระทั่งมีการใช้ประโยชน์งานในด้านต่างๆตัวอย่างเช่น การนำไปใช้เพื่อการผลิตเสื้อกันกระสุน การสร้างเข็มขัดนิรภัย ไหมเย็บแผล และก็เอ็นเทียม

นักค้นคว้าจากประเทศสหรัฐอเมริกาตระเตรียมเรียนรู้เพื่อนำใยแมงมุมไปผลิตเป็นกล้ามของหุ่นยนต์ เช่ารถ

สถาบันเทคโนโลยีแมสซายกเซตส์ (MIT) ได้ศึกษาค้นพบคุณลักษณะใหม่ของใยแมงมุมที่บางทีอาจถูกนำไปสร้างเป็นกล้ามของหุ่นยนต์ได้ คุณลักษณะดังที่กล่าวมาแล้วเป็นการยืดหดได้ของเส้นใยตามความเคลื่อนไหวของความชุ่มชื้น นักค้นคว้าเรียกการควบคุมนี้ว่า “Supercontraction” รวมทั้งยังไม่มีการศึกษาและทำการค้นพบคุณลักษณะนี้กับเส้นใยอื่นๆอีกด้วย โดยนักค้นคว้าจากสาขาวิชาวิศวกรรมโยธาแล้วก็สภาพแวดล้อมได้มีความเห็นว่า คุณลักษณะนี้สามารถนำไปปรับใช้เป็นเซนเซอร์หรืออุปกรณ์สำหรับใช้ในการควบคุมบางจำพวกได้ ถ้าพวกเราสามารถควบคุมความเคลื่อนไหวทางความชุ่มชื้นได้

ที่มาที่ไป

Flagflog. (2562, 6 เดือนมีนาคม). MIT เล็งใช้ “ใยแมงมุม” เพื่อนำไปสร้างเป็น “กล้ามของหุ่นยนต์” ในอนาคต. ค้นเมื่อ 8 เดือนมีนาคม 2562, จาก https://www.flagfrog.com/mit-spider-web-muscle-for-robot/

วิโรจน์ แก้วเรือง. (ไม่กำหนด). แมงมุมจะเป็นเพียงแค่ใยแมงมุมหรือเส้นใยที่อนาคต. ค้นเมื่อ 8 เดือนมีนาคม 2562, จาก https://www.gotoknow.org/posts/552678

วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ชาเขียวดื่มมากเกิดผลเสียหรือไม่?

ชาเขียว เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมอย่างสม่ำเสมอและก็มีทิศทางการบริโภคที่มากขึ้น เดี๋ยวนี้มีการผลิตชาเขียวในลักษณะของเครื่องดื่มสำเร็จรูปกันอย่างล้นหลาม ทำให้สบายต่อการบริโภค และก็ด้วยรสความอร่อยของชาเขียว แก้หิวทำให้เกิดความรู้สึกแจ่มใส รวมถึงแนวทางการประชาสัมพันธ์สินค้าเครื่องดื่มชาเขียว หรือข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของชาเขียวที่มีต่อร่างกาย ดังเช่นว่า ช่วยลดระดับไขมันในเลือด ลดหุ่น และก็คุ้มครองปกป้องโรคมะเร็ง ฯลฯ เป็นสิ่งจูงใจทำให้กระแสการบริโภคชาเขียวมากขึ้น แม้กระนั้นอาจจะก่อให้กำเนิดพฤติกรรมด้านการบริโภคที่ไม่เหมาะสม หรือบริโภคชาเขียวในจำนวนสูงเหลือเกินโดยไม่เคยทราบถึงผลพวงต่อสภาพทางด้านร่างกายลูกค้าจำเป็นต้องรู้ถึงข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับชาเขียวเพื่อกำเนิดผลดีสูงสุดและไม่มีผลกระทบหรือเป็นพิษได้

Green tea หรือ ชาเขียว เป็น ชาที่ได้มาจากต้นชา ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Camellia sinensis ซึ่งเป็นชาจำพวกที่ไม่ผ่านวิธีการหมัก โดยการนำใบชาสดมาผ่านความร้อนเพื่อทำให้ใบชาแห้งอย่างเร็ว กระบวนการนี้เป็น เมื่อเก็บใบชามาแล้วจะเอามาทำให้แห้งอย่างเร็วในหม้อทองแดงโดยใช้ความร้อนไม่สูงเหลือเกินแล้วก็ใช้มือกดเบาๆก่อนแห้ง หรืออบไอน้ำในช่วงเวลาสั้นๆแล้วก็ค่อยนำไปอบแห้งเพื่อยั้งการทำงานโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี (ความร้อนจะช่วยยั้งหลักการทำงานของโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีทำให้ไม่มีการย่อยสลาย) ก็เลยจะได้ใบชาที่แห้งแต่ว่ายังคงความใหม่อยู่ และก็มีสีที่ออกจะเขียว ก็เลยเรียกกันว่า "ชาเขียว" นอกเหนือจากนี้การที่ใบชาที่ได้นั้นไม่ผ่านวิธีการหมัก ก็เลยทำให้ใบชามีสารประกอบฟีนอลเหลืออยู่มากยิ่งกว่าในชาอู่หลงและก็ชาดำ (สองประเภทนี้เป็นชาที่ผ่านการดอง) ก็เลยทำให้มีอาการชาเขียวมีฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระมากยิ่งกว่าชาทั้งคู่ โดยชาเขียวจะมีสาร Epigallocatechin gallate (EGCG) โดยประมาณ 35-50% ส่วนชาอู่หลงมีโดยประมาณ 8-20% และก็ชาดำจะมี EGCG อยู่เพียงแค่ 10% เช่ารถ



ภาพที่ 1 ใบชาสด
ที่มา https://pixabay.com, highnesser

สารสำคัญที่มีคุณประโยชน์เจอได้ในชาเขียว จะประกอบไปด้วยกรดอะมิโน วิตามินบี วิตามินซี วิตามินอี สารในกรุ๊ป xanthine alkaloids เป็น คาเฟอีน แล้วก็ธิโอฟิลลีน ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์กระตุ้นหลักการทำงานของระบบประสาทศูนย์กลาง แล้วก็สารในกรุ๊ปฟลาโวนอยด์ ที่เรียกว่า ค้างเทคุ้นชิน ซึ่งสำหรับในการดื่มชาเขียวให้ผลดีต่อร่างกายมาก เพราะว่าสารสำคัญในใบชาเขียวกรุ๊ปโพลีฟีนอล ที่ชื่อว่า เคทิเคยชิน (Catechins) จะปฏิบัติภารกิจจับกับอนุมูลอิสระและก็กีดกันการเกิดปฏิกิริยาขบวนการออกซิเดชันภายในร่างกายได้อย่างมีคุณภาพ ก็เลยช่วยต้านทานโรคภัยได้มากมาย ยกตัวอย่างเช่น คุ้มครองปกป้องโรคเส้นเลือดหัวใจ โรคความดันเลือดสูง รวมทั้งโรคมะเร็งได้ นอกเหนือจากนั้นในชาเขียวมีสารแทนนิน (Tannin) ที่มีฤทธิ์ฝาดสมานแล้วก็เป็นสารที่ช่วยทุเลาอาการท้องเดิน ก็เลยเป็นได้ ถ้าเกิดดื่มชาจำนวนมากเกินความจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นชาเขียวแบบชง หรือ แบบพร้อมดื่ม ก็สามารถนำมาซึ่งท้องผูกได้เหมือนกัน

การดื่มชาเขียวแช่เย็นมีสาระหรือโทษ? ในขณะนี้มีผู้คนมากมายก่ายกองกำเนิดความข้องใจถึงประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากชาเขียวแช่เย็น ด้วยเหตุว่าเมื่อเทชาเขียวเย็นลงไปในถ้วยชามก๊วยเตี๋ยวแล้วจะเจอคราบเปื้อนไขมันลอยจับที่จานชามก๊วยเตี๋ยวโดยทันที ทำให้ยังคลุมเคลือว่าถ้าหากดื่มไปแล้วร่างกายจะได้ประโยชน์หรือโทษ ด้วยเหตุดังกล่าวก็เลยได้มีการพินิจพิจารณาว่าการเทน้ำเย็นๆไม่ว่าน้ำใดๆลงไปในจานชามกวยเตี๋ยว ก็จะกำเนิดเป็นไขได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นปฏิกิริยาของไขมันที่เปลี่ยนแปลงอุณหภูมิเฉียบพลันนั่นเอง เพราะฉะนั้นการดื่มชาเขียวร้อนหรือชาเขียวเย็นก็เลยไม่ได้ต่างอะไรกัน



ภาพที่ 2 ชาเขียวนมสดเย็น
ที่มา https://pixabay.com, Saya1611

ชาเขียวดื่มในจำนวนเยอะแค่ไหนก็เลยจะได้ประโยชน์?

การกินชาเขียวให้ได้สารต้านอนุมูลอิสระ ควรต้องชงชาเขียวเข้มข้นแบบประเทศญี่ปุ่นแล้วก็จำต้องดื่มชาเขียวอย่างต่ำวันละ 20 แก้ว บ่อยๆทุกๆวัน ก็เลยจะสามารถคุ้มครองโรคมะเร็งได้ ซึ่งในทางปฏิบัติบางทีอาจทำเป็นยาก รวมทั้งยิ่งการกินน้ำชาเขียวตอนนี้เป็นชาเขียวที่เจือจาง ทั้งแต่งรสแต่งกลิ่นรวมทั้งรสด้วยน้ำตาล ซึ่งแม้ดื่มมากๆอาจจะก่อให้กำเนิดโรคอ้วนได้

ส่วนการดื่มชาร้อนนั้น ส่งผลศึกษาค้นคว้าด้านการแพทย์บอกว่า สารต้านอนุมูลอิสระในชาจะหายไปราวๆ 20% แม้โดนความร้อนนานๆแล้วก็ให้เทคนิคการชงชาเขียวให้สารต้านอนุมูลอิสระดำรงอยู่ ทำเป็นโดยบีบมะนาวลงไประหว่างชงชา จะอาจคุณประโยช์จากชาไว้ได้มากที่สุด

มูลเหตุ

Kapook. (2557, 12 เดือนธันวาคม). ชาเขียว ดื่มเช่นไรได้ประโยชน์เต็มๆ. ค้นเมื่อ 7 ก.พ. 2562, จาก https://health.kapook.com/view106969.html

ลูกหญิงรัตน์ จันทร์ดอน (2557, 19 ม.ค.). ชาเขียว ( Green Tea )... ดื่มเช่นไรให้ได้ประโยชน์. ค้นหาเมื่อ 7 เดือนกุมภาพันธ์ 2562, จาก https://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/185/ชาเขียว-Green-Tea-ดื่มยังไงให้ได้ประโยชน์/

เหมียวเลเซอร์. (2558, 15 เดือนมิถุนายน). ความประพฤติการดื่มเครื่องดื่มชาเขียวของคนประเทศไทยที่แปรไป ติดหวานหรือติดชิงรางวัลกันแน่!?. ค้นหาเมื่อ 7 เดือนกุมภาพันธ์ 2562, จาก https://www.catdumb.com/green-tea-lottery-win-or-lose-290/

วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

เปลี่ยนแปลงตัวเอง เปลี่ยนความคิด เพื่อให้ได้สิ่งที่เราต้องการ







คนไม่ใช่น้อยต้องการกลับตัวกลับใจ ต้องการแฮปปี้เพิ่มมากขึ้น ต้องการมีชีวิตที่เติมเต็มเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าการจะได้มันมา บางบุคคลมุ่งไปทางไม่ถูกๆพอใจรวมทั้งไปผิดทาง หลงทาง ไม่รู้เรื่อง ใช้ทางลัด มีความคิดว่าสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงมันจะได้มาอย่างไม่ยากเย็นๆก็แค่แปรไปทานอาหารคลีน ไปยิม ไปบริหารร่างกาย หรือต้องการเป็นสุขก็เพียงเปลี่ยนแปลงงาน เพื่อหนีหัวหน้าคนเก่า เพื่อได้เงินเดือนเพิ่มมากขึ้น เช่ารถ


แล้วในที่สุดก็พบว่าทางที่เลือก มันมิได้ทำให้พวกเราเป็นสุข พวกเราก็ยังจำต้องพบหัวหน้าแบบเดิม พวกเราจะต้องกล้ำกลืนทานอาหารที่เกลียด จำเป็นต้องฝ่าฝืนไปบริหารร่างกายเพียงแต่เพราะเหตุว่าต้องการลดหุ่น ทำเป็นไม่นานความมุ่งมั่นก็จะเบาๆหายไป กลับมารับประทานแบบเดิม กลับมาทำแบบเดิมๆ

สิ่งจำเป็นมิได้อยู่ที่จุดหมายปลายทาง แต่ว่าอยู่ที่ขั้นตอน อยู่ที่ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น อยู่กลางทางที่พวกเรากำลังเดินทางไป

แทนที่จะค้นหาความสบายจากปัจจัยภายนอก พวกเราควรรู้จักใส่ความสุขจากด้านใน ความสบายที่เกิดขึ้นในจิตใจของพวกเรา มันจะมีผลให้พวกเราปลี่ยนแปลงชีวิตได้ในแบบที่พวกเราคิด

ความสำราญจะไม่มีต้นเหตุจากรูปกายข้างนอก แต่ว่าความสบายเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการรักตนเองอย่างที่พวกเราเป็น

กลับเนื้อกลับตัว
บางบุคคลเกลียดตนเองที่รูปพรรณสัณฐานไม่ดี รวมทั้งคิดต้องการกลับใจ เนื่องจากว่ารู้สึกว่าถ้าหากมีรูปพรรณสัณฐานที่ดี มันจะก่อให้เป็นสุข ส่งผลให้เกิดความภาคภูมิ รักตนเองแล้วก็มีแฟน

การที่พวกเรารังเกียจไม่รับในสิ่งที่พวกเราเป็นอยู่ มันทำให้พวกเราใช้ทางลัดที่จะช่วยทำให้พวกเราหนีจากความจริง เพื่อหนีจากจุด A ไปยังจุด B ให้เร็วที่สุด

แม้กระนั้นความเคลื่อนไหวตนเองมันจำเป็นต้องเริ่มจากจุดที่พวกเราเป็นอยู่ ก็อย่างกับ Google Maps ถ้าหากพวกเราต้องการไปยังเป้าหมาย สิ่งจำเป็นที่พวกเราจำต้องรู้จักเป็น จุดที่พวกเราอยู่ พวกเราจำต้องรู้จักตนเอง ก่อนจะค้นหาทางไปยังจุดมุ่งหมายได้

สารภาพในสิ่งที่พวกเราเป็นอยู่เดี๋ยวนี้ แล้วเริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดียิ่งขึ้น

เมื่อพวกเรารู้จักรักตนเอง พวกเราก็จะเริ่มแปลงความประพฤติ เปลี่ยนแปลงการกินแบบใหม่ ผู้ที่รักตนเองจะมีสติสัมปชัญญะ ทราบดีว่ารับประทานอาหารอะไรที่จะทำให้ร่างกายมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ทราบดีว่าดูดบุหรี่เกิดโทษต่อร่างกายก็จำต้องอดกลั้นรวมทั้งหยุดดูด

เริ่มจากการยินยอมรับในสิ่งที่พวกเราเป็น แม้พวกเราจะมิได้มีรูปร่างที่เพอร์เฟ็ค มิได้มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง แต่ว่าร่างกายพวกเราก็ทำงานมากเต็มกำลัง เพื่อทำให้พวกเรามีชีวิตอยู่ได้ สูบฉีดเลือดทำให้พวกเราเคลื่อนได้ตลอด รวมทั้งร่างกายพวกเราก็ยังต่อสู้กับเชื้อโรค คุ้มครองป้องกันพวกเราจากอันตราย ร่างกายพวกเราเป็นองค์ประกอบที่เฉลี่ยวฉลาดรวมทั้งพวกเราน่าจะหลงเสน่ห์ร่างกายของพวกเราเอง

อารมณ์อาจมีผลต่อความประพฤติปฏิบัติการกินของพวกเรา ขณะที่เครียดพวกเราบางทีอาจจะต้องการทานอาหารรสจัด หรือต้องการรับประทานอาหารหวาน ของกินทอด ในเวลาที่รู้สึกเบื่อ หรือในเวลาที่เมื่อยล้า

เมื่อพวกเรามีสติสัมปชัญญะรู้สึกตัว ทราบดีว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงนิสัย ทำให้พวกเราเลือกรับประทานอาหารที่ดียิ่งขึ้น กินน้ำไม่เยอะขึ้นเรื่อยๆ คืนความสดชื่นมากยิ่งขึ้น อดอาหารขณะที่อารมณ์เปลี่ยน แม้กระนั้นแทนที่ด้วยกิจกรรมอันอื่น อย่างเช่น อ่านหนังสือ บริหารร่างกาย ออกไปวิ่ง หรือคุยกับสหาย

ร่ายกายของพวกเราเป็นสิ่งอัศจรรย์ที่พวกเราแต่ละคนมี เริ่มมองดูจากจุดที่พวกเราเป็นอยู่ แล้วเริ่มเปลี่ยน ร่างกายพวกเราจะเปลี่ยนแปลงได้ ก็เมื่อหัวใจพวกเราแปลงได้ก่อน

ความนึกคิดทำให้พวกเราไม่เหมือนกับผู้อื่น
ความพิเศษเฉพาะของแต่ละคน มันมิได้อยู่ที่รูปร่างข้างนอก ถ้าเกิดพวกเรารู้เรื่องจุดนี้ พวกเราก็จะกลับเนื้อกลับตัวได้อย่างสมบูรณ์

ในเวลาที่พวกเราต้องการจะกลับใจ อย่างแรกที่พวกเราคิดถึงก็คือ ปัจจัยภายนอก รูปร่างข้างนอก พวกเราต้องการจะเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตใหม่ แปลงไลฟ์สไตล์ใหม่ พวกเราเริ่มควบคุมเรื่องการกินอาหาร เริ่มบริหารร่างกาย

แต่ว่าสิ่งที่พวกเราพลาดไปเป็น การมองผ่านสาระสำคัญ โน่นเป็นความนึกคิดของพวกเรา

พวกเราจะกลับตัวกลับใจได้สุดกำลัง เมื่อพวกเราทราบดีว่ามันมีมากยิ่งกว่าร่างกายข้างนอกที่พวกเราเปลี่ยนแปลงได้ ร่างกายพวกเราเป็นเพียงส่วนหนึ่งส่วนใดของตัวตนของพวกเรา มันเป็นแค่เพียงส่วนเล็กๆเพียงเท่านั้น มนุษย์เรามีร่างกาย อวัยวะ มีเนื้อ มีกระดูกเช่นกัน แม้กระนั้นส่วนที่ทำให้พวกเราไม่เหมือนกับผู้อื่นล้วนเป็นสิ่งที่พวกเราไม่เห็นด้วยตา ไหมสามารถสัมผัสได้

สำนึกของพวกเรา ความรู้สึก ความนึกคิด รวมทั้งจิตใจ ถ้าเกิดพวกเราตั้งมั่นเปลี่ยนแปลงส่วนที่พวกเราไม่เห็นนี้ ความเคลื่อนไหวมันจะส่งผลเสียและก็เห็นผลเยอะขึ้น

รูปร่างของพวกเราบางทีอาจจะเปลี่ยนได้ แม้กระนั้นมันมีข้อจำกัด แต่ว่าความนึกคิดและก็จิตใจพวกเราไม่มีข้อจำกัด พวกเราสามารถเปลี่ยนแปลงความคิดได้แล้วแต่เรา ไม่ทราบจบ พวกเราควบคุมได้ ไม่มีอะไรมาจำกัดพวกเรา ไม่มีอะไรมาขวางพวกเราได้ พวกเราสามารถเปลี่ยนแปลงความคิดได้สุดกำลัง

อัพเดทสมอง
สมองของผู้คนยุคใหม่แทบจะไม่ได้ต่างอะไรจากสมองของบรรพบุรุษเมื่อ 10000 ปีที่ผ่านมา แต่ว่าสิ่งแวดล้อมที่พวกเราอาศัยอยู่ในขณะนี้นั้น ต่างจากอดีตมากมาย การอัพเดทสมองก็เลยเกิดเรื่องน่าดึงดูด และไม่ใช่การเพิ่มหน่วยความจำอย่างกับที่พวกเราอัพเดทคอมพิวเตอร์ แต่ว่าเป็นการอัพเดทในส่วนของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือแปลงแนวทางคิดของพวกเรา

พวกเราบางทีอาจจะยังยึดติดและก็รู้สึกว่าความก้าวหน้าสมองจะเกิดขึ้นเฉพาะตอนเด็ก แม้กระนั้นข้อเท็จจริงเป็นพวกเรายังสามารถปรับปรุงสมองได้เรื่อยแม้กระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่ สมองก็ยังเปลี่ยนได้ ทำให้พวกเราศึกษาแล้วก็ชำนาญความถนัดใหม่ๆได้

สมองเปลี่ยนได้ในระดับเคมี การเพิ่มเคมีในสมองที่ส่งผ่านระหว่างนิวรอน ส่งผลกับความจำระยะสั้น สมองเปลี่ยนได้ในระดับองค์ประกอบ การจัดระเบียบปฏิบัติใหม่ ส่งผลกับความจำระยะยาว แล้วก็ยิ่งกว่านั้นสมองยังสามารถเปลี่ยนลักษณะการทำงานได้ด้วย

การอัพเดทสมองไม่ใช่แค่การฝึกหัดความจำ สมองมีไว้สำหรับคิด มิได้มีไว้สำหรับเก็บความคิด ยิ่งพวกเราจำมากแค่ไหน มันก็ทำให้พวกเรามีพื้นที่ว่างสำหรับคิดลดน้อยลง

Your mind is for having ideas, not holding them.—David Allen

สมองพวกเรามีนิวรอนอยู่เยอะแยะ และก็สามารถผลิตขึ้นใหม่ได้เรื่อยพวกเราบางครั้งก็อาจจะสูญเสียนิวรอนไปวันละ 85000 แม้กระนั้นมันน้อยมากเมื่อเทียบกับที่พวกเรามีอยู่ เพียงแค่ในส่วน Cerebral cortex พวกเราก็มีนิวรอนถึง 4 หมื่นล้าน

สมองพวกเราเติบโตรวมทั้งพัฒนาต่อได้เรื่อยโดยการเปิดใจรับของใหม่ๆให้โอกาสเพื่อศึกษาของใหม่ๆความสามารถหรือภาษาใหม่ๆดำเนินงานแล้วก็จัดการกับปัญหายากๆ

การที่พวกเราทำแม้กระนั้นสิ่งเดิมๆทุกวี่ทุกวัน มันจะปิดโอกาส ไม่ให้พวกเราได้กำเนิดความข้องใจ สมองจะปรับปรุงแล้วก็เติบโตได้เมื่อพวกเราเปลี่ยนบรรยากาศ ได้สนิทสนมธรรมชาติ ได้มองเห็นของใหม่ๆได้คุยกับคนใหม่ๆได้ทดลองทานอาหารใหม่ๆ

การอ่านก็มีส่วนช่วยให้สมองเติบโต แต่ว่าหนังสือพิมพ์ที่เต็มไปด้วยข่าวไม่ดีมันอาจจะทำให้พวกเราไม่ได้อยากอ่าน ทำให้อ่านหนังสือลดน้อยลง ทำให้สมองพวกเราคร่ำครวญหาวิชาความรู้ใหม่ๆ

ไม่สมควรประเมินความรู้ความเข้าใจของสมองต่ำไป สมองพวกเราทำเป็นมากยิ่งกว่าการคิดและการคำนวณจำนวน สมองที่ทำความเข้าใจรวมทั้งเติบโตจะช่วยทำให้พวกเรามีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นได้

เปลี่ยนแปลงมุมมอง ทดลองคิดแบบใหม่
เวลาพวกเราไปบริหารร่างกายหรือไปวิ่ง ก็จะมีคนทักว่า ลดความอ้วนหรอ หรือในเวลาที่พวกเรารับประทานผัก รับประทานสลัด ก็จะมีคนทักอีกว่า ลดความอ้วนหรอ

การลดความอ้วนด้วยการวิ่งไม่ใช่แนวทางที่มีคุณภาพที่สุด พวกเราไปวิ่งไม่ใช่ด้วยเหตุว่าอยากลดหุ่น แม้กระนั้นเป็นเพราะว่าประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากการวิ่งมันมีจำนวนมากกว่านั้น

ถ้าหากพวกเรามองดูการวิ่งเป็นการออกแรงเพื่อลดความอ้วน เป็นได้ที่พวกเราจะฝ่าฝืนไปวิ่งทั้งที่รังเกียจ อ่อนเพลียก็อ่อนล้า เหงื่อแตกแต่ว่าก็จำต้องทน กระทั่งทำให้เบื่อ หดหู่ เลิกได้อย่างไม่ยากเย็นแต่ว่าหากพวกเรามองเห็นประโยชน์ที่ได้รับมาจากการวิ่งมากยิ่งกว่าการลดความอ้วน มันจะก่อให้พวกเราต้องการออกไปวิ่งมากยิ่งขึ้น หากแม้รถติดก็จำต้องไป เป็นต้นว่า

การวิ่งหรือการเดินช่วยทำให้พวกเราคิดได้ดียิ่งขึ้น คิดประดิษฐ์มากเพิ่มขึ้น
ร่างกายหลั่งสารที่ความสำราญเอ็นโดรฟิน (Endorphin) เพื่อทุเลาลักษณะการเจ็บจากการวิ่ง
ร่างกายหลั่งสารอะดรีนาลีน (Adrenaline) ออกมาขณะที่พวกเราวิ่งเร็วๆ
ร่างกายหลั่งสารที่ความสำราญเซโรโทนิน (Serotonin) ขณะที่พวกเราวิ่งเร็วที่สุด วิ่งได้นานที่สุด
ร่างกายหลั่งสารที่ความสำราญออกสิโทสิน (Oxytocin) ขณะที่พวกเราวิ่งร่วมกันกับเพื่อนฝูง
หากพวกเราดูการกินสลัด กินผักและก็กินผลไม้ ไม่ใช่แค่การลดหุ่น แต่ว่าเป็นเนื่องจากว่าพวกเรารักแล้วก็เป็นห่วงร่างกายของพวกเราเอง เป็นกรรมวิธีทดแทนที่ร่างกายพวกเราทำงานมาก ทำให้พวกเราจำเป็นต้องรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ ทราบว่าน้ำตาล น้ำหวาน ของกินชนิดแป้ง มันเกิดโทษต่อร่างกาย ถึงจะต้องการแม้กระนั้นก็จำต้องห้ามใจไว้

หรือการงดของกิน ระบุช่วงของการกิน เพื่อร่างกายได้มีเวลาพัก ที่พวกเราทำไปก็เพื่อร่างกายได้พัก ได้ฟื้นฟู ปลดปล่อยให้น้ำหนักที่ต่ำลงได้ผลสำเร็จพลอยได้จากการที่พวกเราห่วงสุขภาพตนเอง

ทดลองแปลงมุมมอง ทดลองคิดแบบใหม่ มันอาจทำให้พวกเราเปลี่ยนได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น

Insight Eureka Aha moment
โดยมากไอเดียเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการคิดตรึกตรอง เบาๆไตร่ตรองความนึกคิดความรู้สึกออกมา แต่ว่าบางทีไอเดียก็เกิดขึ้นได้เองโดยที่พวกเรามิได้เพียรพยายามคิด จู่ๆพวกเราก็ นึกออก

ไอเดียที่ทำให้พวกเรารู้เรื่องเหตุการณ์ ทำให้พวกเรามองเห็นทางออก นึกออกว่าจะทำอะไรถัดไป ไอเดียที่จะเปลี่ยนชีวิตพวกเรา ตัวอย่างเช่น ทำให้พวกเราเปลี่ยนแปลงงาน ทำให้ต้องการสมรส ทำให้เลิกร้าง ทำให้ต้องการฟื้นฟูความเชื่อมโยงให้กลับมาดีดังเดิม ทำให้ต้องการย้ายบ้าน ทำให้ต้องการเลิกนิสัยที่ไม่ดี

พวกเราบางทีอาจมีความรู้สึกว่าสมองขณะที่พวกเราหยุดคิด จะเป็นช่วงๆในตอนที่สมองได้พักและก็ดำเนินงานลดลง แต่ว่าเรื่องจริงสมองก็ยังคงยุ่งรวมทั้งปฏิบัติงานเต็มกำลัง เป็นช่วงๆในช่วงเวลาที่ให้โอกาสให้ความนึกคิดอื่นๆผ่านเข้ามาในสมอง ทำให้พวกเราคิดอะไรใหม่ๆได้

สมองเวลาที่พวกเราหยุดคิดช่วยทำให้พวกเราจัดการกับปัญหาได้ดิบได้ดี แต่ว่าข้อผิดพลาดซึ่งมันอยู่นอกจากการควบคุมของพวกเรา บางทีมันก็นึกไม่ออก

การคิดพินิจเป็นอย่างแรกที่พวกเราจะทำเมื่ออยากได้จัดการกับปัญหา แต่ว่าปัญหาบางสิ่งก็ไม่บางทีอาจปรับแต่งด้วยวิชาความรู้หรือประสบการณ์ที่พวกเรารู้จัก ไม่อาจจะใช้ความสำนึกค้นหาคำตอบได้ การคิดตริตรองช่วยทำให้พวกเราหาคำตอบที่หลบซ่อนอยู่ในกล่องได้ แต่ว่ามันจะไม่ช่วยถ้าเกิดคำตอบอยู่นอกกล่อง

ครั้งคราวการคิดแก้ไขอย่างมีระบบเยอะเกินไป ก็ทำให้ลดช่องทางที่จะค้นหาคำตอบได้ เพราะเหตุว่าการคิดพินิจพิเคราะห์มันทำให้พวกเราขัดขวางตนเองจากความนึกคิดอื่นๆที่พวกเราคิดว่าไม่เกี่ยวข้อง ที่มันบางทีอาจจะเป็นทางออกที่นำพวกเราไปสู่การศึกษาและทำการค้นพบได้

ราวกับว่ายิ่งเพียรพยายามมองหาคำตอบ มันก็ยิ่งทำให้พวกเราไม่เห็นคำตอบ โดยเหตุนี้พวกเราบางครั้งอาจจะจะต้องหลีกเลี่ยง ไม่มองดูตรงๆทดลองหันไปมองดูไปทางอื่น เพื่อให้โอกาสให้พวกเราแลเห็นคำตอบ

จังหวะเวลาเป็นสิ่งจำเป็น ถ้าหากพวกเราใช้เวลาคิดพินิจมากเกินไป คำตอบมันบางครั้งอาจจะหายไป แต่ว่าถ้าหากพวกเราใช้เวลาคิดตรึกตรองไม่เพียงพอ ถ้าหากพวกเราหยุดคิดเร็วไป พวกเราก็จะไม่มีข้อมูลสำคัญที่ต้อง สำหรับประกอบกันเป็นคำตอบให้พวกเราได้

สิ่งจำเป็นเป็นการทราบว่าเมื่อไรที่จะต้องใช้เวลาคิดตริตรอง เมื่อใดที่ควรจะหยุดคิดและก็ถอยออกมา

พวกเรามิได้อยู่ตัวผู้เดียว
พวกเราบางครั้งอาจจะมั่นใจว่าแต่ละคนแยกจากกันอย่างเห็นได้ชัด หรือคิดว่าพวกเราต่างจากผู้อื่นทำให้บางบุคคลเห็นแก่ตัว เห็นแก่วัตถุประสงค์ส่วนตัว เอาดีเอาเด่น แล้วก็ส่งผลให้เกิดการขัดกัน

การทดสอบ

วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

มาแล้ว ! สำหรับใครที่กำลังรอคอยไปอิ่มอร่อยพุงกางกับทุเรียนสดหอมหวาน เนื้อนุ่มกรอบ หลากหลายสายพันธุ์ของจังหวัดระยอง ตอนนี้บางสวนผลไม้ระยองก็เริ่มเผยวันเปิดเข้าชมสวนแล้วค่ะ มาอัปเดตกันเลย


 มาแล้ว ! สำหรับใครที่กำลังรอคอยไปอิ่มอร่อยพุงกางกับทุเรียนสดหอมหวาน เนื้อนุ่มกรอบ หลากหลายสายพันธุ์ของจังหวัดระยอง ตอนนี้บางสวนผลไม้ระยองก็เริ่มเผยวันเปิดเข้าชมสวนแล้วค่ะ มาอัปเดตกันเลย
1. สวนละไม

ภาพจาก เฟซบุ๊ก สวนละไม / Suan Lamai


ภาพจาก เฟซบุ๊ก สวนละไม / Suan Lamai

          สวนละไม ตั้งอยู่ที่ถนนบ้านบึง-แกลง (สาย 344) ตำบลป่ายุบใบ อำเภอวังจันทร์ เป็นสวนผลไม้ขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ทั้งหมดราว ๆ 500 ไร่ ได้เปิดให้นักท่อเที่ยวเข้าเที่ยวชมมานานหลายปี โดยภายในสวนจะเต็มไปด้วยธรรมชาติของป่าเขาและสวนผลไม้ บรรยากาศร่มรื่น มีการจัดตกแต่งปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สวยงาม มีมุมถ่ายรูปและมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกมากมาย ช่วงหน้าร้อนก็มีผลไม้หลากหลายชนิดให้มาลิ้มลอง ทั้งเงาะ, มังคุด, ทุเรียน, สละ, ลองกอง, และลำไย เป็นต้น ในส่วนของกิจกรรมบุฟเฟ่ต์ผลไม้ นักท่องเที่ยวจะได้ทั้งอิ่มอร่อยกับผลไม้และอาหารเมืองระยองหลากหลายชนิด พร้อมทั้งได้เที่ยวชมรอบ ๆ สวนอย่างเต็มอิ่ม รีบจองบัตรก่อนใคร ได้ราคาไม่แพง เช่ารถ


          วันเปิดสวน : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน - 30 มิถุนายน 2562
          ราคา : บัตรจองล่วงหน้า ผู้ใหญ่ 500 บาท/ท่าน, จำหน่ายหน้าสวน 590 บาท/ท่าน บัตรเด็กซื้อหน้าสวนเท่านั้น
          ที่ตั้ง : 9/9 ถนนบ้านบึง-แกลง (สาย 344) ตำบลป่ายุบใบ อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง
          โทรศัพท์ : 09 8737 4983, 09 8737 4984
          เว็บไซต์ : suanlamai.com,
          เฟซบุ๊ก : สวนละไม / Suan Lamai



2. สวนยายดา-เจ๊บุญชื่น

ภาพจาก เฟซบุ๊ก สวนยายดา - เจ๊บุญชื่น (Suan-Yai-Da)

          สวนยายดา-เจ๊บุญชื่น สวนผลไม้ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดระยองอีกหนึ่งแห่ง อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก ภายในสวนบรรยากาศร่มรื่น รายล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ ทางสวนจะจัดที่นั่งไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาลิ้มลองผลไม้ไทยหลากหลายมุม มีผลไม้ให้เลือกหลากหลายชนิด กินกันไม่อั้น เสิร์ฟผลไม้แบบจัดหนักจัดเต็มกันตลอดทั้งวัน หากใครสนใจอยากรับประทานอาหารเพิ่มเติมก็สั่งจองล่วงหน้าได้ด้วย


          วันเปิดสวน : เริ่มวันที่ 12 เมษายน 2562 จนสิ้นสุดฤดูกาล
          ราคา : อัปเดตอีกครั้งวันที่ 27 มีนาคม 2562
          ที่ตั้ง : หมู่ 3 ตำบลตะพง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
          โทรศัพท์ : 08 9099 1297, 0 3866 4369
          เฟซบุ๊ก : สวนยายดา - เจ๊บุญชื่น (Suan-Yai-Da)

3. สวนคุณไพบูลย์

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ท่องเที่ยวเชิงเกษตร สวนคุณไพบูลย์

          สวนคุณไพบูลย์ สวนทุเรียนชื่อดังของระยอง โดยที่นี่จะมีทุเรียนให้เลือกลิ้มลองหลายสายพันธุ์ แต่พันธุ์ที่โดดเด่นมาที่สุดของสวนแห่งนี้จะเป็นพันธุ์นกกระจิบ มีมากกว่า 300 ต้น เนื้อหวานมัน เม็ดลีบเล็ก กลิ่นหอมละมุน อร่อยทุกเม็ด โดยในช่วงฤดูร้อน ทางสวนจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมสวน และจะเปิดจำหน่ายผลไม้ต่าง ๆ หน้าสวนในราคาย่อมเยา


          วันเปิดสวน : ต้นเดือนเมษายน 2562 (สามารถอัปเดตการเยี่ยมชมสวนได้ที่เฟซบุ๊กของสวน)
          ราคา : เข้าเที่ยวชมสวนฟรี ถ้าสนใจอยากชิมผลไม้สามารถซื้อผลไม้ชั่งเป็นกิโลกรัมนั่งกินในสวนได้
          ที่ตั้ง : 21 หมู่ 4 ตำบลนาตาขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
          โทรศัพท์ : 08 2210 0188
          เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก : paiboonrayong.com, ท่องเที่ยวเชิงเกษตร สวนคุณไพบูลย์

4. สวนลุงทองใบ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก สวนลุงทองใบ สวนผลไม้ท่องเที่ยวเชิงเกษตร จังหวัดระยอง

          สวนลุงทองใบ สวนสุดร่มรื่นภายในตำบลตะพง บรรยากาศของสวนจะเป็นแบบเรียบง่าย มีที่ให้นั่งกินผลไม้กันแบบชิล ๆ ในส่วนของบุฟเฟ่ต์ผลไม้ก็จะมีทั้งทุเรียนหมอนทอง, มังคุด, เงาะโรงเรียน, สละสุมาลี และลองกองตันหยง พร้อมด้วยอาหาร อาทิ ส้มตำ, อาหารพื้นบ้าน, ไอศกรีมทุเรียนหมอนทอง และข้าวเหนียวทุเรียนให้ได้มาอิ่มอร่อยกัน ใครอยากซื้อผลไม้ราคาย่อมเยากลับบ้าน ก็มีให้เลือกซื้อสด ๆ กันที่หน้าสวน


          วันเปิดสวน : 13 เมษายน 2562 จนสิ้นสุดฤดูกาล
          ราคา : บุฟเฟ่ต์ผลไม้ 450 บาท/ท่าน 
          ที่ตั้ง : 96 หมู่ 11 ตำบลตะพง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
          โทรศัพท์ : 08 9810 6411, 08 3769 6172
          เฟซบุ๊ก : สวนลุงทองใบ สวนผลไม้ท่องเที่ยวเชิงเกษตร จังหวัดระยอง

5. สวนลุงประเสริฐ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก สวนลุงประเสริฐ


ภาพจาก เฟซบุ๊ก สวนลุงประเสริฐ

          ถ้าใครชอบกินทุเรียนอร่อย ๆ แบบฟิน ๆ ขอแนะนำให้ลองไปลิ้มรสกันได้ที่สวนลุงประเสริฐ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสวนที่น่าสนใจของระยอง อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก บรรยากาศสบาย ๆ เป็นกันเอง มีทุเรียนอร่อยหลากหลายแบบให้เลือกกินกันอย่างจุใจทุกปี และปีนี้ก็พิเศษสุด ๆ เพราะทางสวนจะเปิดรับแค่วันละ 100 ท่านเท่านั้น เพื่อที่จะจัดสรรผลไม้ที่ดีที่สุดมารองรับลูกค้า ใครอยากกินผลไม้ไทยแบบฟิน ๆ ก็จองล่วงหน้าไปเลย


          วันเปิดสวน : ปลายเดือนเมษายน 2562
          ราคา : ติดตามการอัปเดตรายละเอียดต่าง ๆ ได้ที่หน้าเฟซบุ๊กของสวน
          ที่ตั้ง : ตำบลตะพง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
          โทรศัพท์ : 08 5277 0684
          เฟซบุ๊ก : สวนลุงประเสริฐ

6. สวนผู้ใหญ่เสวตร

ภาพจาก เฟซบุ๊ก สวนผู้ใหญ่เสวตร


ภาพจาก เฟซบุ๊ก สวนผู้ใหญ่เสวตร

          สวนผู้ใหญ่เสวตร สวนผลไม้บรรยากาศน่ารัก ๆ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้นานาชนิด ๆ พร้อมด้วยสวนผลไม้รอบด้าน ในช่วงฤดูร้อนของทุกปี ทางสวนจะเปิดให้เข้าเยี่ยมชมและมาลิ้มรสผลไม้อร่อย ๆ กันถึงในสวน จัดเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ซึ่งมีทั้งผลไม้และอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทุเรียนหมอนทอง, ทุเรียนชะนี, เงาะ, มังคุด, ลองกอง, สละ, ขนมจีนข้าวกล้อง+น้ำยาสามอย่าง, แกงเขียวหวานไก่, และแกงจืดหน่อไม้หวาน พร้อมทั้งมีผลไม้สดใหม่ คุณภาพดี จำหน่ายหน้าสวนด้วย ทางสวนจะบริการเป็นกันเอง น่าประทับใจ ใคร ๆ ก็อยากมาซ้ำ


          วันเปิดสวน : ต้นเดือนพฤษภาคม ถึงสิ้นสุดฤดูกาล
          ราคา : บุฟเฟ่ต์ผลไม้+อาหาร 450 บาท/ท่าน คณะทัวร์ 40 ท่านขึ้นไป 400 บาท/ท่าน เด็ก ครึ่งราคา
          ที่ตั้ง : 131/2 หมู่ 11 ตำบลตะพง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
          โทรศัพท์ : 08 4870 8238
          เฟซบุ๊ก : สวนผู้ใหญ่เสวตร

7. สวนสุภัทราแลนด์

ภาพจาก เฟซบุ๊ก สวนสุภัทราแลนด์ / Suphattraland Rayong


ภาพจาก เฟซบุ๊ก สวนสุภัทราแลนด์ / Suphattraland Rayong


ภาพจาก เฟซบุ๊ก สวนสุภัทราแลนด์ / Suphattraland Rayong

          สวนสุภัทราแลนด์ สวนผลไม้ขนาดใหญ่ มีเนื้อที่มากกว่า 800 ไร่ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงฤดูผลไม้ จะมีผลไม้ไทยหลากหลายชนิด พร้อมด้วยกิจกรรมสนุก ๆ ให้ได้มาเที่ยวชมมากมาย ภายในสวนสุภัทราแลนด์มีทั้งทุเรียน, มังคุด, เงาะ, องุ่น, ขนุน, ลำไย, มะเฟือง, มะพร้าว, ลองกอง, สละ, แก้วมังกร, และชมพู่ เป็นต้น ทางสวนจะมีรถรางไฟฟ้าพาเที่ยวชมรอบ ๆ และพาไปแวะเที่ยวชมตามจุดต่าง ๆ ในส่วนของบุฟเฟ่ต์ผลไม้และอาหาร จะมีทั้งบุฟเฟ่ต์ทุเรียน, บุฟเฟ่ต์ผลไม้ตามฤดูกาลนานาชนิด, น้ำผลไม้ปั่น, ส้มตำสุดแซ่บ, สลัดผักไฮโดรโปนิกส์ และข้าวเหนียวไก่ย่าง/หมูย่าง เป็นต้น


          วันเปิดสวน : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.
          ราคา : เที่ยวชมสวนและบุฟเฟ่ต์ผลไม้ ผู้ใหญ่ 500 บาท/ท่าน, เด็กสูงต่ำกว่า 120 เซนติเมตร ครึ่งราคา, เด็กสูงต่ำกว่า 90 เซนติเมตร เข้าชมฟรี
          ที่ตั้ง : เลขที่ 70 หมู่ที่ 10 ตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง
          โทรศัพท์ : 0 3889 2048-9
          เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก : suphattraland.com, สวนสุภัทราแลนด์ / Suphattraland Rayong

8. สวนบ้านเรา ทุเรียนระยอง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก สวนบ้านเรา ทุเรียนระยอง

          สวนบ้านเรา ทุเรียนระยอง เป็นสวนทุเรียนคุณภาพดี ที่มีทุเรียนได้เลือกลิ้มลองหลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ก้านยาว, ก้านยาววัดสัก, หมอนทอง, พวงมณี, ชะนี, จันทบุรี 1 (ชะนี+หมอนทอง), จันทบุรี 2 (พวงมณี+ชะนี), จันทบุรี 3 (ก้านยาว+ชะนี), จันทบุรี 10 (ชะนี+นกหยิบ) เป็นต้น ใครอยากกินกันแบบฟิน ๆ ทางสวนก็มีเปิดให้สั่งจองกันด้วย และในช่วงเดือนเมษายนใครผ่านมาทางระยอง ก็สามารถมาเลือกซื้อกันได้ที่หน้าสวน ส่วนถ้าอยากกินบุฟเฟ่ต์ผลไม้ก็รอช่วงต้นเดือนพฤษภาคม


          วันเปิดสวน : ประมาณต้นเดือนพฤษภาคม 2562 ติดตามการอัปเดตเปิดสวนได้ทางเฟซบุ๊กของสวน
          ราคา : ติดตามการอัปเดตเปิดสวนได้ทางเฟซบุ๊กของสวน
          ที่ตั้ง : ตำบลกระแสบน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
          โทรศัพท์ : 08 1804 4169
          เฟซบุ๊ก : สวนบ้านเรา ทุเรียนระยอง

9. สวนช่อฟ้า

ภาพจาก สวนช่อฟ้า ทุเรียนระยอง - Suan Chorfha

          สวนช่อฟ้า สวนผลไม้บบรรยากาศสุดอบอุ่น ตั้งอยู่ในสวนบรรยากาศสุดร่มรื่น ช่วงหน้าร้อนจะเปิดให้เข้าเที่ยวชมสวน มีรถพาเที่ยวชม แล้วพามาอิ่มอร่อยกับบุฟเฟ่ต์ผลไม้ตามฤดูกาลนานาชนิด โดยจะมีผลไม้สดใหม่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปในแต่ละวัน ทั้งทุเรียน, เงาะ, มังคุด สละ และลองกอง มีบ่อน้ำเล็ก ๆ ให้ถีบเรือเป็ด และจักรยานคันเล็ก ๆ ให้ปั่นชมสวนด้วย


          วันเปิดสวน : เปิดให้บริการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ระหว่างวันที่ 27 เมษายน - สิ้นสุดฤดูกาล 2562 ควรจองล่วงหน้า 
          ราคา : บุฟเฟ่ต์ผลไม้ ราคาโปรโมชั่น ผู้ใหญ่ 350 บาท/ท่าน
          ที่ตั้ง : ตำบลสำนักทอง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
          โทรศัพท์ : 06 5326 5415, 09 5639 4953
          เฟซบุ๊ก : สวนช่อฟ้า ทุเรียนระยอง - Suan Chorfha

10. สวนปาหนัน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก สวนปาหนัน & Home Stay


ภาพจาก เฟซบุ๊ก สวนปาหนัน & Home Stay

          สวนปาหนัน สวนผลไม้เล็ก ๆ บรรยากาศพื้นบ้าน บริการเป็นกันเอง มีผลไม้ให้เลือกกินมากมาย สดใหม่ เนื้อเน้น ๆ จัดมาให้นักท่องเที่ยวได้อิ่มฟินกับผลไม้ไทยกันตลอดฤดูกาล ทั้งทุเรียน, เงาะ, มังคุด, ลองกอง และสละ ตามมาด้วยอาหารคาวหวานทั้งส้มตำ, ข้าวเหนียวไก่ทอด, ขนมจีนน้ำยา และข้าวเหนียวทุเรียน กินได้ทั้งวัน ไม่จำกัดเวลา


          วันเปิดสวน : 1 พฤษภาคม - 30 มิถุนายน 2562
          ราคา : บุฟเฟ่ต์ผลไม้ 450 บาท/ท่าน
          ที่ตั้ง : ตำบลตะพง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
          โทรศัพท์ : 06 2649 2426
          เฟซบุ๊ก : สวนปาหนัน & Home Stay


          แหม...เห็นผลไม้ของแต่ละสวนแล้ว น้ำลายสอเลยเชียวค่ะ อยากจะกดข้ามเวลาให้ถึงช่วงเปิดสวนของแต่ละสวนเร็ว ๆ ใครที่รออยู่เหมือนกัน ก็ลองดูข้อมูลของแต่ละสวนก่อนเดินทางด้วยนะคะ เพราะบางทีผลไม้ก็สุกไม่พร้อมกันเด้อ โทร. ถามและจองล่วงหน้าไปจะดีที่สุด เพราะทางสวนก็จะได้จัดเตรียมผลไม้ไว้ให้เราค่ะ :)


          หมายเหตุ :
          - ข้อมูล ณ วันที่ 25 มีนาคม 2562 กรุณาตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งก่อนการเดินทาง
          - ภาพถ่ายแต่ละสวนส่วนใหญ่เป็นภาพของปี 2561



ขอขอบคุณข้อมูลจาก
suanlamai.com, สวนละไม / Suan Lamai, สวนยายดา - เจ๊บุญชื่น (Suan-Yai-Da), ท่องเที่ยวเชิงเกษตร สวนคุณไพบูลย์, สวนลุงทองใบ สวนผลไม้ท่องเที่ยวเชิงเกษตร จังหวัดระยอง, สวนลุงประเสริฐ, สวนผู้ใหญ่เสวตร, suphattraland.com, สวนสุภัทราแลนด์ / Suphattraland Rayong, สวนบ้านเรา ทุเรียนระยอง, สวนช่อฟ้า ทุเรียนระยอง - Suan Chorfha, สวนปาหนัน & Home Stay

วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

หยุด “เกรงใจ” หากอยากให้องค์กรพัฒนา



วันก่อนได้มีโอกาสพูดคุยกับพี่คนหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องการฝึกภาษา เนื่องจากองค์กรได้เล็งเห็นประโยชน์ของการพัฒนาทักษะทางด้านภาษาอังกฤษให้กับพนักงาน เพื่อเป็นประโยชน์ในการติดต่อสื่อสาร โต้ตอบในงาน เพื่อทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น จึงได้ส่งพนักงานที่ประเมินแล้วว่า มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ภาษาในชีวิตประจำวัน แต่ยังคงมี Level ภาษาอยู่ในเกณฑ์ที่อ่อนด้อย ไปเข้าคลาสกับเจ้าของภาษาเพื่อให้สามารถพัฒนาทักษะของตนเอง ให้สามารถนำมาในการปฏิบัติงาน ได้อย่างลื่นไหล และไม่เป็นอุปสรรค
ผ่านการเข้าคลาสอย่างต่อเนื่องไปหลายชั่วโมง เป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน แน่นอนค่ะ ว่าพี่คนนี้ได้กลับมาเล่าอย่างภาคภูมิใจ ถึงสิ่งดีๆ ที่ได้รับมา และสิ่งที่เค้าประทับใจมากที่สุด นั่นก็คือการเปิดโอกาสให้ถามตอบ ถึงคำศัพท์ และประโยคบางประโยค ที่เคยคิดจะใช้กับคนต่างชาติ แต่ไม่รู้ว่าจะสื่อสารอย่างไร ในระหว่างที่เจ๊เค้ากำลังเล่าถึงเหตุการณ์ตัวอย่างที่ได้เจอมาในคลาสอย่างเมามัน ก็มีคำ คำหนึ่ง ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว นั่นก็คือ คำว่า “เกรงใจ” อยากจะบอกชาวต่างชาติเหลือเกิน ว่า I เกรงใจนะ แต่ไม่รู้จะบอกอย่างไร และแล้วคำตอบที่อาจารย์ชาวต่างชาติตอบกลับมานั่นก็คือ ภาษาอังกฤษ “ไม่มี” คำว่า “เกรงใจ”You ชอบ หรือไม่ชอบอะไร ทำไมไม่บอกออกเลยไปเลยตรงๆ ล่ะ…น่าแปลกใจมั้ยคะ?
ฟังมาถึงตรงนี้ เป็นประโยคที่ชวนคิดอะไรต่อได้อย่างมากมาย คนที่ทำงานอยู่ในองค์กรของบริษัทต่างชาติน่าจะพอนึกภาพกันออก บางครั้งด้วยวัฒนธรรมของคนไทย ที่อ่อนน้อมถ่อมตน ประนีประนอม มักจะเกรงใจ ไม่กล้าปฏิเสธ ไม่กล้าพูดความจริง มันกลับกลายเป็นจุดอ่อน ที่กำลังทำลายความก้าวหน้าในองค์กร ให้เดินต่อไปข้างหน้าได้ยาก
คนไทย มักโอนอ่อนผ่อนตามในทุกสถานการณ์
ด้วยคำว่า เกรงใจ
ในขณะที่ชาวต่างชาติ ตรงไปตรงมา ชอบ คือ ชอบ ไม่ คือ ไม่
ไม่มีคำว่า เกรงใจ
และในที่สุด คำว่าเกรงใจ ดันกลายเป็นจุดอ่อน จุดหนึ่ง
ที่ทำลายความก้าวหน้าในองค์กร
เคยเจอสถานการณ์แบบนี้บ้างไหมคะ? เมื่อมีการประชุมแต่ละครั้ง จะมีคำถามก่อนการปิดประชุมเสมอ “ใครมีอะไรจะถาม หรือคอมเม้นท์อีกมั้ย?” สิ่งที่ทุกคนในห้องตอบสนองกลับไปยังคำถามนี้ก็คือ…ความเงียบ แต่เมื่อประตูห้องประชุมถูกเปิดออก ต่างก็ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอีกมากมาย “ทำไมถึงไม่ทำอย่างนั้น” “ทำไมถึงไม่ทำอย่างนี้” “ที่ฟังมาเมื่อกี้ไม่เห็นดีเลย จริงๆน่าจะเป็นอีกแบบหนึ่งมากกว่า” บลาๆๆ เยอะแยะมากมาย และที่เลวร้ายไปกว่านั้น ผ่านไปสักระยะหนึ่ง หากสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่เป็นไปตามสิ่งที่ผู้ Present ได้นำเสนอไป หรือไม่ได้เป็นไปตามที่ได้สรุปในห้องประชุม ประโยคที่จะตามมานั่นคือ “นั่นไง!!! เห็นมั้ยล่ะ ฉันว่าแล้วเชียว….” กลับไปซ้ำเติมเค้าเข้าไปอีก
เหตุการณ์เหล่านี้ ส่วนหนึ่งเกิดมาจากความ “เกรงใจ” ไม่กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์ ไม่กล้าออกความคิดเห็น ว่าชอบ หรือไม่ชอบ อาจเป็นเพราะว่า คนที่ Present มีตำแหน่งใหญ่กว่า หรืออาจเป็นเพราะอยากรักษาน้ำใจ ไม่อยากให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง ในอีกทางหนึ่งคือคิดว่าเสนอไปก็เท่านั้น เพราะฉะนั้น เงียบไว้ดีกว่า ท้ายที่สุดแล้ว ปัญหาต่างๆ ก็ไม่ได้ถูกคลี่คลายอย่างทันท่วงที จึงอาจจะกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง ที่อาจจะวนกลับมาเกิดใหม่ได้อีก เพราะไม่มีการเสนอแนวทางใหม่ ๆ ที่จะทำให้ ปัญหาเหล่านั้นได้ถูกขจัดออกไปอย่างถาวร แทนที่จะได้ใช้เวลาเพื่อไปคิดค้นหาทางพัฒนาองค์กรให้ดียิ่งขึ้น กลับต้องมานั่งแก้ปัญหาเดิมๆ ที่คาราคาซังไม่จบไม่สิ้นสักที
องค์กรไม่พัฒนา
เพราะไม่กล้า…ปฎิเสธ
ในอีกกรณีหนึ่ง ด้วยนิสัยพื้นฐานของคนไทย มักจะค่อนข้างรักษาสัมพันธภาพ ถนอมน้ำใจแบบบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น จึงมักจะ “ไม่กล้าปฎิเสธ” ความเกรงใจเลยกลายเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมขององค์กรซะงั้น ใครเสนออะไรมาก็ “แจ๋วครับพี่ ดีครับท่าน” เฮละโล ทำตามน้ำกัน เมื่อพลาดขึ้นมา ก็ดับทั้งองค์กร ในขณะที่คนต่างชาติจะกล้าเสนอความคิดเห็นมากกว่า หากเรื่องไหนไม่ดี ไม่เหมาะ ไม่ควร เค้าพร้อมที่จะค้าน เพื่อที่จะเสนอแนวทางใหม่ๆ ให้องค์กรได้พัฒนาไปในทางที่ดียิ่งขึ้น
คนไทยบางกลุ่ม ยิ่งเจอคนต่างชาติ ก็ยิ่งกลัว อาจจะเป็นเพราะด้วยจุดอ่อนทางด้านภาษาในการสื่อสาร หรืออาจจะเป็นเพราะเค้าตัวใหญ่กว่าเราก็ไม่รู้ ยิ่งทำให้ไม่กล้าพูด ไม่กล้านำเสนอ ไม่กล้าค้าน บวกกับความขี้เกรงใจเป็นทุนเดิม ก็ยิ่งทำให้ไปกันใหญ่
อย่างไรก็ตาม “ความเกรงใจ” และความอ่อนน้อมถ่อมตนตามแบบฉบับของคนไทย ใช่ว่าจะไม่ดีนะคะ จริงๆ แล้วมันคือเสน่ห์ คือความน่ารักของความเป็นคนไทย ที่ประเทศอื่นๆ ต่างยกย่องชื่นชม แต่ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพราะทุกอย่างมี 2 ด้านเสมอ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าอ่านบทความ บทนี้จบ จะทำให้ผู้อ่านกลายเป็นคนก้าวร้าว เลิกนิสัยเกรงใจคนอื่นซะอย่างนั้น การเสนอแนวคิด การชี้ถูกชี้ผิด การรับหรือปฏิเสธ ไม่จำเป็นต้องแสดงออกมาอย่างดุดัน มันยังมีหลายๆ วิธีในการสื่อสารและแสดงออกมาเช่นกัน เพียงแค่เรากล้าที่จะพูดในสิ่งที่ควรพูด และทำในสิ่งที่ควรทำ เพื่อให้งานและปัญหาต่างๆ ได้ถูกปรับปรุงและคลี่คลาย
ที่มาเล่าให้ฟัง ก็เพราะอยากให้เห็นถึงความแตกต่าง ทางด้านแนวคิด และการปฏิบัติ ในบางสถานการณ์ เราไม่ควรจะต้องเกรงใจ แต่ควรกล้าที่จะปฎิบัติและนำเสนอในสิ่งที่ดี มีประโยชน์ เพื่อนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่า กล้าให้เกิดการปฏิบัติในทางแนวทางใหม่ๆ เพื่อให้องค์กรได้แก้ปัญหา และพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นได้
ในอีกทางหนึ่งก็คือ คนในองค์กร ก็จะต้องกล้าที่จะเปิดรับกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้อื่นให้มากขึ้น ไม่ปิดกั้นความคิดเห็น ลดความเป็นอีโก้ลง ลดการแบ่งชั้นวรรณะ เพื่อลดช่องว่างระหว่างตำแหน่ง จะยิ่งทำให้องค์กรเริ่มเข้มแข็ง และสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วนั่นเองค่ะ
บทความโดย : Sine Ratcharak

วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

Museum Thailand Application

Museum Thailand Application เปิดทดสอบการใช้ระบบ ให้บริการรวมทั้งที่ตั้งของพิพิธภัณฑสถานต่างๆซึ่งได้รับการออกแบบให้ใช้งานง่าย ทั้งยังยังสามารถใช้เป็นระบบนำทาง GPS เพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวยังพิพิธภัณฑสถานที่ท่านถูกใจ สอดคล้องกับแนวความคิดที่อยากให้เว็บรวมทั้งแอปพลิเคชันของพวกเราเป็น สหายทำความเข้าใจ คู่คิดนักเที่ยว sbobet4mobile



สถาบันพิพิธภัณฑสถานการเรียนแห่งชาติ (ไม่วเซียมประเทศไทย) เปิดตัวเว็บ www.museumthailand.com เต็มแบบอย่างเพื่อเป็นศูนย์สะสมข่าวสารครบวงจรเกี่ยวกับพิพิธภัณฑสถานและก็แหล่งทำความเข้าใจถึง 1,500 ที่ ทั่วทั้งประเทศไทย พร้อมทดลองแอปพลิเคชัน Museum Thailand Application เวอร์ชั่นใหม่ รวมทั้งเปิดแคมเปญ Museum Thailand Popular Vote ที่ปี 2017 เพื่อตั้งมาตรฐานรวมทั้งความน่าดึงดูดใจของพิพิธภัณฑสถานให้ครบทุกมิติ ดันยอดผู้เข้าชมพิพิธภัณฑสถานแล้วก็แหล่งทำความเข้าใจ ให้พลเมืองได้ร่วมลุ้นรางวัลราคากว่า 150,000 บาท

สำหรับแอปพลิเคชัน Museum Thailand Application ใช้ได้อีกทั้งทั้งยังบนระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์และก็ไอโอเอส ยังมีการทดสอบนำระบบเทคโนโลยี AR มาใช้ ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงประสบการณ์การท่องเที่ยวพิพิธภัณฑสถานใหม่ทำให้สบาย ง่าย สนุกสนาน รวมทั้งเพลินมากยิ่งขึ้น โดยสามารถดาวน์โหลดเพียงแค่พิมพ์คำว่า Museum Thailand ใน App Store หรือ Play Store





บัตรเดียวท่องเที่ยวได้ 56 พิธภัณฑ์ทั่วไทย ในราคาเดิมเพียงแต่ 199 บาท
สำหรับแอปพลิเคชันรูปแบบใหม่นี้ได้ปรับปรุงพร้อมกันกับโครงงาน “บัตรไม่วสพาส (Muse Pass)” บัตรเดียวท่องเที่ยวได้ 56 พิธภัณฑ์ทั่วไทย ในราคาเดิมเพียงแค่ 199 บาท โดยผู้รับบริการเพียงแต่ดาวน์โหลด Museum Thailand Application และก็สมัครสมาชิกบัตร Muse Pass ก็สามารถเข้าพิพิธภัณฑสถานได้ไม่ต้องพกบัตรประจำตัว ทั้งยังมีหน่วยงานที่ร่วมมือสำหรับในการระบุสิทธิพิเศษอีกเยอะมาก เช่น หน่วยงานสวนพฤกษศาสตร์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ อื่นๆอีกมากมาย โดยตั้งความมุ่งหมายให้ราษฎรทั่วๆไป ผู้เรียน นิสิต นิสิต หันมาพอใจการท่องเที่ยวเชิงแหล่งศึกษา รวมทั้งผลักดันให้ชาวต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวพิพิธภัณฑสถานในประเทศไทยมากเพิ่มขึ้น

นอกจากนั้นยังมีแคมเปญ Museum Thailand Popular Vote ปี 2017 โดยชักชวนผู้พอใจเข้ามาร่วมโหวตลงคะแนนพิพิธภัณฑสถานที่ชอบใจในแคมเปญ “เลิฟ ไลค์ ฝ่า” เสาะหาพิพิธภัณฑสถานยอดฮิต 20 ที่จากทั่วทั้งประเทศ โดยเชิญให้พลเมืองทั่วๆไปได้มีส่วนร่วมสำหรับในการวินิจฉัยพร้อมลุ้นรางวัลพิเศษด้วยข้อตกลงกล้วยๆเพียงแค่เข้าเยี่ยมชมหน้าเว็บ www.museumthailand.com เลือกพิพิธภัณฑสถานที่ถูกใจ แล้วก็กด Like (จากรายการอาหาร Top Like) / View (จากรายการอาหาร Top View) ยิ่งกดมากยิ่งมีสิทธิ์มากมาย ร่วมลุ้นรับรางวัลผู้โชคดีร่วม “ฝ่า” กับทริปพิเศษสุดๆที่ไม่มีผู้ใดเคยจัดมาก่อน “6 พิพิธภัณฑสถาน 2 ภูมิภาค” ปริมาณ 2 รางวัลๆละ 2 ที่นั่ง ราคากว่า 150,000 บาท ระหว่างเวลาร่วมแผนการ วันนี้ – วันที่ 31 เดือนกรกฎาคม 2560 ดังนี้ผู้พอใจสามารถร่วมกิจกรรมเหมาะ www.museumthailand.com โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้ ถึง วันที่ 31 เดือนกรกฎาคม 2560 ซึ่งผู้ร่วมกิจกรรมจะได้ร่วมลุ้นรางวัลทริปท่องเที่ยวพิเศษ 6 พิพิธภัณฑสถาน 2 ภูมิภาค ปริมาณ 2 รางวัลๆ2 ที่นั่ง ค่ากว่า 150,000 บาท

วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

วัดใหญ่ชัยมงคล อยุธยา










โน่นเป็นความรู้สึกคราวแรกที่ได้มามองเห็นบรรยากาศโบราณสถานอันเก่า แก่อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ณ ดินแดนที่เรียกว่า “กรุงอโยธยา” เมืองหลวงเก่าของไทยในสมัยก่อน ก่อนที่จะพระผู้เป็นเจ้าอู่ทองคำพระเจ้าอยู่หัว ไทยในยุคนั้นจะย้ายถิ่นผู้คนหนีโรคห่า(อหิวาต์) ้ามแม่น้ำเข้ามาตั้งบ้านเรือนรวมทั้งสร้างเมืองใหม่ในเกาะชั้นในซึ่งเป็นที่ตั้งของ แฮตทริก
อำเภอเมืองในตอนนี้

3 ม.ค. 2541 เป็นวันที่ผมรวมทั้งเครือญาติๆตกลงกันว่าจะท่องเที่ยวปีใหม่กันที่จ.พระนครศรีอยุธยาซึ่งก็ไม่ไกลจากกรุงเทวดานักรวมทั้งสบายที่
จะพาญาติผู้ใหญ่ที่แก่แล้วมาท่องเที่ยวเปิดหูเปิดตาเปลี่ยนบรรยากาศที่จะต้องอยู่บ้านนานๆโดยตารางโดยประมาณว่าจะออกมาจากกรุงเทวดา เช้าตรู่ นมัสการพระมงคลบพิตรท่องเที่ยวดูโบราณสถานสักที่สองที่ หลังจากนั้นก็จะเดินทางถัดไปที่จังหวัดสิงห์บุรีเพื่อทดลองลิ้มชิมรส “ ปลาช่อนแม่ลาเผา“ ที่มีชื่อ และจากนั้นก็กลับกรุงเทวดาในวันเดียวกัน

จากกรุงเทวดาขับขี่รถไปตามถนนหนทางสายทวีปเอเชียซึ่งเป็นถนนหลักที่มุ่งสู่จังหวัดต่างๆทางภาคเหนือ การจราจรวันนี้นับว่าแคล่วคล่องว่องไวมากมาย
ถนนหนทางก็เลยโล่งเตียนตลอด รืออาจเป็นเนื่องจากว่าล่วงเลยวันปีใหม่มารวมทั้งได้ไม่นานนักก็มาถึงทางแยกเข้าจ.พระนครศรีอยุธยาแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนหนทาง ของจังหวัด ผมมิได้แวะเข้ามาในจังหวัดพระนครศรีอยุธยานานแล้ว มีความคิดว่าเปลี่ยนไปจากเดิมไม่น้อย ถนนหนทางที่เคยแออัดเมื่อแยกจาก ถนนใหญ่ก็ขยายออกให้กว้างขึ้น อาคารตึกรามบ้านช่องข้างหลังเล็กๆสองริมทางที่มองเห็นก่อนหน้านี้ ก็แปลงเป็นอาคารใหญ่มหึมาจนถึงบังสถานที่สำคัญ ต่างๆที่เคยมองเห็นขณะที่กำลังขับรถยนต์ผ่านเมื่อหลายปีที่ผ่านมาก่อนหน้านี้

ป้ายทางแยกด้านหน้าที่มองสะดุดตา “ วัดใหญ่ชัยมงคล” เป็นป้ายใหญ่ของถนนหลวงและก็มีลูกศรชี้ไปทางด้านซ้ายตรงสามแยกเล็กๆวัดนี้ ผมยังไม่เคยท่องเที่ยวเลยก็เลยต้องการจะทดลองแวะมองสักนิดสักหน่อยก่อนจะไปไหว้พระมงคลบพิตรจากที่คิดไว้ตั้งแต่แรก พี่น้องที่มาร่วมกันพูด พูดว่า “งามดังวัดอื่นๆในอยุธยา และก็มีพวกฝรั่งฝรั่งมาท่องเที่ยวกันแยะ “ ็สรุปว่าผมตกลงใจเลี้ยวซ้ายในทันที ซึ่งกะว่า คงจะใช้เวลาไม่นานนัก



ไม่เกิน 1 กิโลเมตรพวกเราก็มาถึงยังวัดใหญ่ชัยมงคล เจดีย์องค์ใหญ่สามารถเห็นได้ขณะรถยนต์วิ่งอยู่บนถนนก่อนจะเลี้ยวรถยนต์เข้าไปด้วย ซ้ำ “ เจดีย์ที่มองเห็นองค์นี้แหละที่สูงที่สุดในจ.พระนครศรีอยุธยาเลยนะ แต่เดิมเมื่อมาจากกรุงเทวดาจะมองเห็นเจดีย์องค์ใหญ่ก่อนจะเข้ามาใน เมืองอยุธยา “ เครือญาติคนหนึ่งพูดขึ้นมาขณะเลี้ยวรถยนต์เข้าไปที่ลานหยุด

ผมบากบั่นที่จะคิดภาพ “อยุธยา” ย้อนไปไปหลายๆปีกลาย พอเพียงจะนึกออกว่าเมื่อกำลังจะถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยาก็จะมองเห็นเจดีย์เก่าๆเอียงๆมองดู มองเห็นมาแต่ไกลอย่างกับจะตั้งอยู่กึ่งกลางชายทุ่งด้วย แต่ว่าระยะหลังๆนี้เมื่อขับขี่รถผ่านมาทีไรก็มองไม่เห็นเจดีย์เก่าๆที่ว่านี้แล้ว เอกลักษณ์ที่ สื่อความหมายโบราณของอดีตกาลถูกตึกใหม่ๆสร้างบังทัศนีย์ภาพเดิมๆไปจนกระทั่งหมดเกลี้ยง คิดและจากนั้นก็โชคร้ายที่จังหวัดนี้ซึ่งมีความเป็น มาทางประวัติศาสตร์อันนานหลายร้อยปี และก็มีโบราณสถานจำนวนมาก แม้กระนั้นไม่บางทีอาจจัดวางแบบแปลนเมืองให้สอดคล้องกับโบราณสถานที่หลักๆของจังหวัดได้ เหมือนกันกับที่วัดพนัญเชิงซึ่งมีแม่น้ำอันดั้งเดิมไหลผ่าน แต่ว่าฝั่งตรงข้ามกับวัดกลับยินยอมให้เอกชนสร้างโรง แรมใหญโตสูงสิบกว่าชั้นทำให้มองขัดหูขัดตารวมทั้งตัวตึกก็มิได้ดีไซน์ให้กลมกลืนกับสิ่งแวดล้อมแถวนั้นเลยแม้แต่น้อย



เมื่อมาในเขตวัดก็รู้สึกได้โดยทันทีถึงความอลังการกับภาพที่มองเห็น ไม่น่าฉงนใจเลยว่าเพราะอะไรนักเดินทางฝรั่งก็เลยมากมายก่ายกอง และก็ดูเหมือนจะมากยิ่งกว่าชาวไทยด้วยไป บริเวณของสงฆ์มิได้ใหญ่มหึมาเท่าไรนักแต่ว่าก็มีเสน่ห์น่าชื่นชมในทุกจุด ผมรู้สึกตลึงกับ สถานที่ที่นี้มากมาย ซากในขณะที่ซ่อมแล้วและก็ที่ยังปลดปล่อยให้เป็นไปตามภาวะเดิมมองแแล้วมีมนต์ขลัง พอเดินเข้าไปภายในก็ เช่นเดียวกับได้สัมผัสกลิ่นที่สมัยโบราณเมื่อหลายร้อยปีกลาย ซึ่งพอเพียงจะภาพในใจได้ว่าในสมัยก่อนนั้นจะมีความก้าวหน้าแค่ไหน ซากปรัก หักพังทลายที่มองออกใหญ่มโหฬารนั้นย่อมแสดงถึงความก้าวหน้าของสมัยกรุงศรีอยุธยาได้อย่างดีเยี่ยม

จากประตูปากทางเข้ามีทางเดินเล็กๆตรงเข้าไปข้างในรอบๆ สิ่งที่มองเห็นเด่นและก็สะดุดตามากมายก็คือความสะอาดรวมทั้งการดูแลและรักษาสถานที่ ที่รอบๆเป็นไปอย่างเป็นระเบียบเกือบจะไม่มุมใดที่มองเกลื่อนกลาดตาเลย ไม่ว่าจะเป็นสุขาหรือจุดหลักๆที่นักเดินทางบางทีอาจป่ายปีนจนถึงบางทีอาจทำ ความทรุดโทรมและก็เป็นการลบหลู่ดูหมิ่นสถานที่ ทางวัดก็จัดให้มีข้าราชการดูแลเอาใจใส่ด้วยความใกล้ชิด ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่นี้มองมีคุณค่าเพิ่มขึ้น

วันนี้แดดจ้าฟ้าผ่องใสแม้กระนั้นอากาศก็ค่อยไม่ร้อนเนื่องจากว่ายังเป็นช่วงๆหน้าหนาว มีลมพัดเย็นสบายเป็นช่วงๆขณะยืนดูข้างในรอบๆ วันนี้ผมรู้สึกว่าเป็นวันที่การท่องเที่ยวที่ดูเหมือนจะมีคุณค่าต่อตัวเองไม่น้อยที่ได้มามองเห็นมาสัมผัสกับโบราณสถานที่สำคัญที่อดีตกาล มีความรู้สึกว่า คนประเทศไทยที่ได้โอกาสผ่านมาจ.พระนครศรีอยุธยาน่าจะเข้ามาสัมผัสบรรยากาศอย่างนี้บ้าง ได้มารับทราบเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ถึงแม้เพียงแค่ เศษเสี้ยว ก็อาจจะส่งผลให้กำเนิดความรู้สึกภูมิใจต่อบรรพบุรุษซึ่งฯลฯเชื้อสายของพวกเราในสมัยก่อนไม่น้อย

เจดีย์โบราณองค์ใหญ่ที่อยู่ทางด้านขวามือประตูปากทางเข้า มีผ้าสีเหลืองเหมือนผ้าจีวรพันรอบเจดีย์ ดูเหมือนจะเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นไปอีก เป็นจุด พอใจที่มองสะดุดตาอย่างยิ่งเมื่อเดินเข้ามาในเขตวัด ผมปลดปล่อยให้เครือญาติที่มาร่วมกันเดินล่วงหน้าเข้าไปในวัดก่อน ส่วนผมนั้นขอเวลาซึม ซึมซับติดใจกับเจดีย์เก่าๆที่ตั้งอยู่กึ่งกลางลานต้นหญ้าสีเขียวครู่หนึ่งหนึ่ง ก่อนจะตามเข้าไป

เจดีย์เก่าๆที่พันจีวรนั้นเป็นสิ่งที่นักเดินทางฝรั่งหลายๆคนจะต้องหยุดถ่ายรูปไว้เป็นของที่ระลึก ผมยืนหลบแดดใต้ต้นไม้รอบๆ ใกล้ๆกันเพื่อมองทำเลที่ตั้งถ่ายรูปที่มีความคิดเห็นว่าเหมาะสมที่สุด จุดที่ผมยืนอยู่นั้นมีคนคึกคกเกินความจำเป็นเนื่องจากอยู่ติดทางคนเดินถ้าหากถ่ายรูปเจดีย์ที่ มุมนั้นก็คงมีภาพผู้ที่เดินไปๆมาๆนั้นติดเข้าไปในรูปภาพด้วย ก็เลยเปลี่ยนแปลงมุมไปยืนติดทางเดินขอบสนามซึ่งมีต้นไม้เตี้ยๆปลูกเป็นแถวรั้วไว้ มุมนี้มองเห็นเจดีย์ตั้งเด่นอยู่กึ่งกลางสนามที่เรียบเขียวชอุ่ม โดยมีท้องฟ้าสีแก่เป็นเบื้องหลัง



“ ของแท้ที่เห็นมากับตานั้นช่างงามที่จริงแล้วพวกเราจะถ่ายรูปออกมาให้เช่นเดียวกับที่ตามองเห็นได้ไหม…” มันเป็นความรู้สึกที่ผมเองก็ วิตกอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยังมั่นอกมั่นใจแล้วก็พากเพียรบันทึกภาพอย่างช้าๆและก็ใจเย็น ซึ่งน้อยครั้งที่จะบันทึกภาพด้วยความรู้สึกดีๆแบบนี้

ต่อจากนั้นก็เดินต่อเข้าไปภายใน มองเห็นพี่น้องโบกไม้โบกมือไหวๆบอกให้ช่วยถ่ายรูปหน้าเจดีย์ภายในด้วย ผมเดินตามเข้าไปในเขตแดนชั้นใน เรียกว่าเขตวิหารหลวงโดยมีกำแพงก้อนอิฐเตี้ยๆสูงไม่เกินหน้าเกินตาอกโอบล้อมเป็นรูปสี่เหลี่ยม ซึ่งรับประทานรอบๆกว้างใหญ่พอเหมาะพอควร

พุทธรูปปางสมาธิองค์ใหญ่เนื้อปูนสูงราวๆ 2 เมตร ราวร้อยกว่าองค์นั่งเรียงติดติดกำแพงข้างในทั้งยัง 4 ด้านอย่างเรียบร้อยดูแล้วราวกับทำให้หัวใจพวกเราสงบไม่น้อย ทุกองค์หันเข้าพบเจดีย์ชัยมงคลซึ่งอยู่กึ่งกลาง พุทธรูปแต่ละองค์มีผ้าสีเหลืองพิงเฉที่บ่า ทำให้มองมีชีวิตชีวาแล้วก็สดชื่นในท่ามกลางซากของเขตวิหารหลวงที่นี้ ทางเท้ารอบวิหารปูด้วยอิฐก้อนใหญ่ๆแบบแต่ก่อนดูเหมือนกับว่ากับเป็นลานกว้างซึ่งสามารถเดินได้รอบฐานเจดีย์ ช่วงเวลาที่เดินรอบวิหารหลวงนั้นก็อดที่จะคิดมิได้ว่าลานรอบเจดีย์ที่นี้อาจผ่านรอยตีนผู้คนนับไม่ถ้วนมาหลายชั่วลูกชั่วหลานแล้ว รวมทั้งในสมัยก่อนนั้น ก็รู้สึกว่าถ้าหากคนใดได้ได้โอกาสมาสักการพระเจดีย์ที่นี้นี้ก็ถือได้ว่าบุญกุศลเป็นอย่างมาก เนื่องจากดูเหมือนจะมีท้องพระโรงคล้ายกับราชสำนักในอดีตกาล คล้ายกับจะเป็นทั้งยังวัดแล้วก็ราชสำนักไปในตัว



“ เจดีย์ชัยมงคล” ตามตำนานแล้ว สมเด็จพระพระราชามหาราชโปรดให้สร้างพระเจดีย์ชัยมงคลสรรเสริญ คราวชนะสงครามยุทธหัตถี กับพระมหาอุปราชา พุทธศักราช 2135 ซึ่งถือว่ามีความหมายในทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก แล้วก็เป็นอนุสรณ์สถานที่ความมีชัย ภายหลังที่กรุงศรีอยุธยากลายเป็นเมืองประเทศราชของเมียนมาร์เมื่อปี พุทธศักราช 2112 แล้วต่อจากนั้นอีก 13 ปี สมเด็จพระกษัตริย์มหาราชก็สามารถกู้เอก ราชให้คืนกลับมาได้ และก็อีก 2 ปีถัดมาก็ได้ตั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชจังหวัดอีกรอบหนึ่ง

ภายหลังที่ได้ถ่ายรูปให้กับพี่น้องๆเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ผมก็แยกตัวเพื่อหามุมถ่ายรูปโดยได้นัดให้ไปพบกันที่รถยนต์หลังถ่าย
ภาพเสร็จแล้ว ผมใช้เวลาสำหรับในการบันทึกภาพอย่างจุใจด้านในรอบๆวัด เพราะเหตุว่าช่องทางที่พวกเราจะกลับมารวมทั้งได้มองเห็นบรรยากาศที่เหมาะสมแก่การถ่ายภาพเสมือนแช่นวันนี้บางทีอาจหายากเต็มทน

วัดใหญ่ชัยมงคล สถานที่ผมยืนถ่ายรูปอยู่นี้ในสมัยก่อนนั้นมีความจำเป็นอยู่ไม่ใช่น้อย และก็มั่นใจว่านักเดินทางชาวไทยโดยมากอาจไม่มีผู้ใดรู้ประวัติความเป็นมาของสถานที่สำคัญที่นี้ ก็เลยได้แต่ว่าเดินดูและทราบแต่เพียงว่าเป็นโบราณสถานอันโบราณยุคกรุงศรีอยุธยาเพียงแค่นั้น เนื้อหาต่างๆและก็ประวัติความเป็นมา น้อยคนนักที่จะรู้ ไม่ถูกกับนักเดินทางฝรั่งที่มีไกด์ชี้แจงให้ฟังในจุด หลักๆไปตลอดทางว่ามีที่ไปที่มารวมทั้งเกี่ยวเนื่องกับกษัตริย์ไทยในอดีตกาลนั้นเช่นไร ทำให้น่าห่วงว่าคุณประโยชน์แก่ควรจะจำกลุ่มนี้ หายไปจากคนประเทศไทยไม่น้อย และก็น่าจะเป็นสิ่งหนึ่งที่มองเห็นสถานที่โบราณต่างๆทั่วราชอาณาจักร ถูกนักเดินทางคนประเทศไทยร่วมกันนี้ทำลายด้วยวิชาความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งคำว่า "รู้เท่าไม่ถึงการณ์" ดูเหมือนจะเป็นข้ออ้างที่ทำให้ทุกๆอย่างจบโดยไม่มีข้อตำหนิอื่นอะไรก็แล้วแต่เลย ซึ่งสิ่งนี้ย่อมสะท้อนให้มีความเห็นว่า การท่องเที่ยวในความรู้ความเข้าใจของชาวไทยส่วนมากแล้วยังจำเป็นต้องปรับปรุงความนึกคิดความรู้ความเข้าใจอีกไม่น้อย

เวลาที่กำลังถ่ายรูปอยู่นั้นก็เกิดแนวคิดขึ้นมาอย่างหนึ่งว่า ในตอนเทศกาลสำคัญที่มีนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวดูกันมากมายๆทางวัดคงจะร่วมมือกับสถานที่เรียนในบริเวณนั้นทำโครงงาน “ไกด์อาสาสมัคร” ให้เด็กนักเรียนมาอบรมศึกษาเล่าเรียนเรื่องราวประวัติศาสตร์ของสงฆ์อย่าง ละเอียดรวมทั้งสามารถเป็นไกด์พานักท่องเที่ยวชาวไทยกรุ๊ปเล็กๆท่องเที่ยวดูได้อย่างมีคุณค่าแล้วก็ได้ประโยชน์ โดยยิ่งไปกว่านั้นเยาวชนตัวเล็กๆที่มากับครอบครัว นักเดินทางบางทีอาจเสียค่าบริการบ้างตามควร ็คงจะกำเนิดผลดีและก็ช่วยสร้างรายได้ให้กับนักเรียนพวกนั้น เป็นการฝึกซ้อมให้ผู้เรียนในแคว้นรู้จักอาชีพไกด์นำเที่ยว ซึ่งบางทีอาจเป็นอาชีพถาวรให้กับเด็กๆพวกนั้นได้ในอนาคต ที่สำคัญจะทำ ให้เยาวชนพวกนั้นมีความรู้สึกผูกพันธ์รวมทั้งหวงโบราณสถานในเขตแดนของตนอีกด้วย



เพื่อเรื่องราว”วัดใหญ่ขัยมงคล” มีความสมบูรณ์เยอะขึ้น ก็เลยขอคัดเลือกย่อเรื่องเล็กน้อยที่มีความคิดเห็นว่าน่าดึงดูดมาเล่าสู่กันฟัง จากหนังสือ
“ วัดใหญ่ชัยมงคล “ ที่ซื้อมาจากแม่ชีคนหนึ่งของสงฆ์นี้ ดังต่อไปนี้……..


“ ….จากภาวะทางภูมิศาสตร์แสดงให้รู้ดีว่า วัดใหญ่ชัยมงคลตั้งอยู่รอบๆเดียวกันกับวัดแพนงเชิง วัดมโหยงเหยงคณ์ วัดกุฏิดาว
วัดสมที่หีบศพ รวมทั้งวัดอโยธยา และก็ซากที่เหลือให้มองเห็นล้วนแล้วแต่แสดงถึงความใหญ่โตมโหฬารในอดีตกาลทั้งหมด ก็เลยน่าเชื่อถือว่า วัดใหญ่ชัยมงคลอาจจะเป็นสำนักที่มีพระสงฆ์อยู่มาก่อนสมเด็จพระรามาหัวหน้าที่ 1(พระผู้เป็นเจ้าอู่ทองคำ)ทรงตั้งกรุงเทวดาทราวดีศรีอยุธยาแน่นอน”

“เมื่อสมเด็จพระรามาหัวหน้าที่ 1 ทรงตั้งกรุงเทวดาทราวดีศรีอยุธยาแล้ว 7 ปี (พุทธศักราช 1900 ) โปรดกล้าให้ขุดศพเจ้าแก้ว เจ้าไท ี่ออกอหิวาต์ตาย ขึ้นพระราชทานเพลิงศพที่สำนักสงฆ์ที่นี้ แล้วแต่งตั้งพระเจดีย์วิหารเป็นวัดหลวง พระราชทานนามว่า “ วัดป่าแก้ว” (จากประวัติกรุงศรีอยุธยา)

“เนื่องมาจากวัดนี้เป็นวัดหลวงยุคกรุงศรีอยุธยา รวมทั้งมีรอบๆกว้างใหญ่ มีสิ่งก่อสร้างใหญ่มโหฬารรวมทั้

วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ความเป็นพิษของคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon monoxide )

ความเป็นพิษของคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon monoxide )
โดย : พรรณพร กะตะจิตต์เมื่อ : วันพุธ, 11 ก.ค. 2561 HITS4519
พิษทุกหมวดหมู่ต่างมีลักษณะเฉพาะที่ก่อกำเนิดความเป็นพิษ ในกรณีของคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon monoxide) ซึ่งเป็นก๊าซที่กระจัดกระจายอยู่รอบข้างนั้นก่อกำเนิดความเป็นพิษที่เกี่ยวกับฮีโมโกลบินในเลือด
hdp




ภาพที่ 1 ควันจากท่อไอเสียรถยนต์
ที่มา Ritesh Madhok/Flickr

ฮีโมโกลบิน(Hemoglobin) เป็นโมเลกุลของโปรตีนที่มีความจำเป็นในเซลล์เม็ดเลือดแดงของสัตว์มีกระดูกสันหลัง ซึ่งมีส่วนประกอบที่ซับซ้อนประกอบไปด้วยโปรตีนโกลบิน (Globin protein) 4 สายที่ม้วนพันกันอยู่ รวมทั้งในแต่ละสายของโปรตีนโกลบินจะจับอยู่กับธาตุเหล็กของฮีม (Heme) ที่อยู่ด้านในองค์ประกอบเดียวกัน โดยในส่วนของอะตอมของธาตุเหล็กนั้นจะปฏิบัติหน้าที่จับกับออกสิเจนที่ผ่านเข้ามายังปอด และก็ขนส่งออกสิเจนให้กับเซลล์ในเยื่อของอวัยวะต่างๆภายในร่างกาย

เมื่อฮีโมโกลบินแล้วก็ออกสิเจนรวมตัวกันจะได้เป็นออกซีฮีโมโกลบิน (Oxyhemoglobin) ซึ่งเลือดที่มีออกซีฮีโมโกลบินจะถูกสูบฉีดผ่านหัวใจรวมทั้งไหลเวียนตามกระแสโลหิต เพื่อลำเลียงออกสิเจนไปให้กับเซลล์ที่ปรารถนาใช้ออกสิเจนในกระบวนเผาผลาญ (Metabolism) สามารถแสดงสมการได้ดังต่อไปนี้

Hb + O2 -> HbO2

(Hemoglobin) (Oxygen) (Oxyhemoglobin)

7856 2

ภาพที่ 2 ภาพแสดงโมเลกุลของฮีโมโกลบิน โดยส่วนสีแดงรวมทั้งสีน้ำเงินเป็น ส่วนของโปรตีนโกลบินในกรุ๊ปที่ต่างกัน
(แอลฟาแล้วก็บีต้า) ส่วนสีเขียวเป็น กรุ๊ปของฮีม
ที่มา en.wikipedia.org/wiki/Hemoglobin

หนึ่งในต้นสายปลายเหตุที่มีความจำเป็นซึ่งช่วยทำให้ฮีโมโกลบินสามารถจับและก็ปลดปล่อยออกสิเจนได้อย่างถูกเวลานั้นขึ้นอยู่กับความไม่เหมือนของความดันออกสิเจนในปอดรวมทั้งส่วนอื่นๆของร่างกาย กล่าวอีกนัยหนึ่ง เมื่อพวกเราสูดลมหายใจผ่านเข้ามายังปอด เลือดที่มาจากอวัยวะต่างๆของร่างกายจะมีออกสิเจนต่ำ ด้วยเหตุผลดังกล่าวออกสิเจนจำนวนไม่น้อยที่พวกเราหายใจเข้ามาก็เลยสามารถแพร่ (Diffusion) ผ่านไปสู่เส้นโลหิต ได้ผลสำเร็จให้อะตอมของเหล็กในฮีมสามารถจับกับออกสิเจนดังที่กล่าวมาข้างต้นได้ ช่วงเวลาเดียวกันฮีโมโกลบินด้ามจับกับออกสิเจน เมื่อเดินทางผ่านกระแสโลหิตไปยังเซลล์หรือเยื่อที่อยากใช้ออกสิเจน เซลล์หรือเยื่อที่มีออกสิเจนต่ำลงยิ่งกว่าและก็มีความเป็นกรดสูงจากการที่มีคาร์บอนไดออกไซด์มากมาย จะเป็นสัญญาณชี้ให้ฮีโมโกลบินปลดปล่อยออกสิเจนให้กับเซลล์พวกนั้นเพื่อไปใช้ประโยชน์สำหรับเพื่อการสร้างพลังงานได้อย่างเหมาะสมถูกเวลา

7856 3

ภาพที่ 3 การจับรวมทั้งปลดปล่อยออกสิเจนของฮีโมโกลบิน
ที่มา myhealth.alberta.ca/Health/pages/conditions.aspx?hwid=hw39098

อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมิได้ให้คุณประโยชน์เพียงแค่ด้านเดียว เหมือนกับอากาศที่พวกเราหายใจก็มิได้มีเพียงแค่ออกสิเจนที่ให้คุณประโยชน์ แม้แม้กระนั้นมีก๊าซประเภทอื่นๆที่เป็นพิษต่อสภาพทางด้านร่างกายปนเปอยู่ด้วยคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon monoxide) เป็นก๊าซที่ได้จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงอย่างไม่สมบูรณ์ มีน้ำหนักค่อย ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส แล้วก็สามารถลอยล่องอยู่กลางอากาศได้ โดยคาร์บอนมอนอกไซด์สามารถเกิดขึ้นได้จากกิจกรรมทั่วๆไปในชีวิตประจำวัน อย่างเช่น การเผาไหม้ที่เกิดจากแก๊สเหลว ไม้ ถ่านหิน ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ และยังรวมไปถึงการสูบยาสูบ ซึ่งกิจกรรมกลุ่มนี้นำมาซึ่งก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ในสภาพการณ์ที่สมควรดังเช่นว่า อยู่ภายในเขตพื้นที่ที่มีอากาศระบายได้ดี แต่ว่าตรงกันข้าม ถ้ามีการเผาไหม้ในพื้นที่ที่ไม่มีการถ่ายเทอากาศที่ดี ก๊าซคาร์บอนมอนอไซด์สามารถเป็นอันตรายต่อสภาพร่างกายได้

7856 4

ภาพที่ 4 การแย่งจับฮีโมโกลบินของคาร์บอนมอนอกไซด์
ที่มา sites.google.com/site/igcsechemistry2017/home/year-11-topics/11-01-crude-oil/11-01-04-oil-the-environment

เพราะว่าคาร์บอนมอนอกไซด์สามารถจับกับธาตุเหล็กของฮีมในองค์ประกอบของฮีโมโกลบินได้ดีมากว่าออกสิเจนถึง 200เท่า ซึ่งเมื่อพวกเราหายใจเอาอากาศที่มีคาร์บอนมอนอกไซด์เข้าไปในจำนวนสูง คาร์บอนมอนอกไซด์จะแย่งจับกับฮีโมโกลบินแทนออกสิเจน ทำให้ฮีโมโกลบินในเซลล์เม็ดเลือดแดงสูญเสียความรู้ความเข้าใจสำหรับการจับกับออกสิเจนและก็ลำเลียงออกสิเจนไปยังเซลล์ที่ปรารถนาได้ สำเร็จให้ร่างกายขาดออกสิเจน และก็เป็นต้นเหตุให้การดำเนินการของสมองแล้วก็ระบบต่างๆของร่างกายเสียหายได้ ดังนี้การจับกันของคาร์บอนมอนอกไซด์รวมทั้งฮีโมโกลบินสามารถแสดงสมการได้ดังต่อไปนี้

Hb + CO -> HbCO

(Hemoglobin) (Carbon monoxide) (Carboxyhemoglobin)

ผลพวงจากการได้รับคาร์บอนมอนอกไซด์ต่อร่างกายนั้นหรูหราความร้ายแรงที่ต่างกัน ดังนี้ในระดับความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ที่ 20-30 PPM สามารถเกิดอันตรายได้ถ้าหากได้รับเป็นระยะเวลาที่ยาวนานหลายชั่วโมง ในเวลาที่การได้รับคาร์บอนมอนอกไซด์ที่ความเข้มข้น 2000 PPM ตรงเวลา 1 ชั่วโมงจะมีผลให้สลบรวมทั้งบางทีอาจเป็นโทษถึงชีวิตได้

7856 5

ภาพที่ 5 ผลพวงที่เกิดขึ้นจากการได้รับคาร์บอนมอนอกไซด์มีตั้งแต่ว่า
ลักษณะของการปวดหัว หมดแรง อาเจียน งง อ้วก หายใจติดขัด หน้ามืด สลบ และก็เสียชีวิต
ที่มา www.rvworldstore.co.nz/guides-advice/carbon-monoxide-poisoning-avoidance-and-protection/

ถึงแม้พวกเราจะไม่สามารถที่จะปกป้องตัวเองจากก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ได้ทั้งหมดทั้งปวง รวมทั้งในทางตรงกันข้าม มนุษย์เรากลับกลายผู้ผลิตแล้วก็ปลดปล่อยแก๊สพิษนั้นออกสู่สภาพแวดล้อมเสียเอง อย่างไรก็ตาม พวกเราสามารถเลี่ยงการเสี่ยงสำหรับในการสัมผัสกับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ได้ด้วยแนวทางกล้วยๆอย่างวิธีการทำกิจกรรมที่เกี่ยวโยงกับกรรมวิธีเผาไหม้ต่างๆในรอบๆที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก หรือการต่อว่าดตั้งเครื่องตรวจหาก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์เอาไว้ในครอบครัว

มูลเหตุ

Why is carbon monoxide poisonous?
Retrieved January 29, 2018,
from https://science.howstuffworks.com/question190.htm

Hemoglobin.
Retrieved January 29, 2018,
from https://en.wikipedia.org/wiki/Hemoglobin

Carbon monoxide.
Retrieved January 29, 2018,
from https://en.wikipedia.org/wiki/Carbon_monoxide

Carboxyhemoglobin.
Retrieved January 29, 2018,
from https://en.wikipedia.org/wiki/Carboxyhemoglobin

Carbon monoxide poisoning.
Retrieved January 29, 2018,
from https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/carbon-monoxide/symptoms-causes/syc-20370642

How to Prevent Carbon Monoxide Poisoning.
Retrieved January 29, 2018,
from https://www.webmd.com/a-to-z-guides/prevent-carbon-monoxide-poisoning#1