วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2562

สวย สุขภาพดี ด้วยน้ำมันรำข้าว


น้ำมันรำข้าว ถือเป็นหนึ่งในยาอาวุวัฒนะชั้นเลิศของไทย ที่หลายคนรู้จัก แต่ยังไม่เคยได้ลิ้มลองถึงรสชาติและคุณประโยชน์ที่มีอยู่อย่างมากหมายของน้ำมันรำข้าว ที่ไม่เพียงแต่จะส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายเท่านั้น หากแต่ยังช่วยบำรุงผิวพรรณให้งดงามผ่องใสจากภายในสู่ภายนอกได้อีกด้วย
ด้วยวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า ส่งผลให้โรคภัยไข้เจ็บที่เกิดจากการติดเชื้อลดน้อยลง แต่ในทางกลับกัน ด้วยพฤติกรรมการบริโภค การดำเนินชีวิต และสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลพิษ กลับส่งผลให้มนุษย์เจ็บป่วยด้วยกลุ่มของโรคเสื่อมเพิ่มมากขึ้น อาทิ โรคมะเร็ง หัวใจ ความดันโลหิตสูง เป็นต้น เพราะฉะนั้นวิธีการที่จะเลี่ยงโรคภัยไข้เจ็บ คือต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ น้ำมันรำข้าวถือเป็นอาหารอีกประเภทที่เรียกได้ว่ามีคุณสมบัติช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าน้ำมันพืชประเภทอื่นๆ ตลอดจนมีแกมมา โอไรซานอล ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าวิตามินอี ถึง 6 เท่า จึงส่งผลดีต่อการทำงานของหลอดเลือด ลดการจับตัวของเกร็ดเลือด เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองและหัวใจ
ส่วนประกอบของน้ำมันรำข้าวยังประกอบไปด้วยกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวในกลุ่มโอเมก้า ซึ่งมีส่วนช่วยลดระดับคอเรสเทอรอลชนิดไม่ดี และเพิ่มคอเรสเทอรอลชนิดดีให้แก่ร่างกาย ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดตีบตัน โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคสมองเสื่อมได้ ตลอดจนน้ำมันรำข้าวยังมีสารในกลุ่ม สควาลีนและเซราไมด์ ที่ช่วยรักษาระดับความชุ่มชื่นให้แก่เซลล์ผิวหนัง ทำให้มีผิวพรรณที่สดใส เต่งตึง รวมไปถึงป้องกันการอักเสบ และลดการระคายเคืองของผิวหนังอันเนื่องมาจากสภาพแวดล้อมต่างๆ อีกด้วย ดังนั้นหากจะพิจารณาน้ำมันพืชมาประกอบอาหาร อยากจะให้ลองใช้น้ำมันรำข้าวดู แต่หากยังติดเรื่องราคา (ที่ยังค่อนข้างสูง) คงต้องหันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค หันมาบริโภคอย่างพอดี กินผักผลไม้ ตลอดจนอย่าลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วยนะครับ เพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง
หมายเหตุ : ขอขอบคุณภาพถ่ายต่างๆ จากเว็บไซต์ในอินเตอร์เน็ต
Credit : น.ศ. ฝึกเขียน 22079

วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2562

การบริการรถเช่าราย



การบริการรถเช่ารายวันนั้น เป็นบริการ การเช่ารถยนต์ในเรื่องที่ลูกค้ามีความหมายต้องใช้รถยนต์ไม่นานได้แก่ลูกค้าจะเช่าตั้งแต่ 2 วันขึ้นไปแต่ไม่เกิน 1 เดือน หรือเช่าฯลฯ ซึ่งการเลือกรถเช่ารายวันนี้ ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเช่าในเรื่องที่ไปเยี่ยมญาติพี่น้อง ท่องเที่ยว กลับไปอยู่ที่บ้านนอก ทำธุระต่างๆซึ่งบริการรถเช่ารายวันถือได้ว่าเป็นบริการที่ตอบปัญหากับคนที่อยากได้ใช้รถยนต์ในช่วงเวลาอันสั้น เพราะเหตุว่าสบายรวมถึงง่ายต่อการเช่ารถยนต์เพื่อใช้เดินทาง

การเช่ารถเช่ารายวันจะก่อให้เรามัธยัสถ์รายการจ่ายต่างๆเกี่ยวกับการเดินทางระยะสั้น หรือระยะยาว แล้วก็ทำให้สบายสำหรับเพื่อการไปรับไปส่งบุคคลต่างๆที่ร่วมเดินทางมากับเราได้ด้วย

อีกทั้งถ้าเราเช่ารถเช่ารายวันไปกับมิตรสหายหรือท่องเที่ยวกันผู้คนจำนวนมากก็สามารถแชร์ค่าใช้สอยต่างๆด้วยกันกับเพื่อน และไม่ทำให้รถยนต์ของแต่ละบุคคลเสื่อมสภาพได้เร็วด้วย นอกเหนือจากนั้นการเช่ารถรายวันใช้ ยังช่วยปรับให้เราสบายกระฉับกระเฉงสำหรับการเดินทางหรือสบายในการไปยังสถานที่ต่างๆได้เร็ว ซึ่งถ้าหากเราเสร็จหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบธุระต่างๆได้ทันใจในทุกวี่ทุกวันก็จะมีผลให้เหลือเวลามากขึ้นเรื่อยๆรวมทั้งจะสามารถใช้เวลาสำหรับเพื่อการใช้งานรถยนต์ยนต์ได้คุ้มกับเงินที่คุณเสียไป

และการรถเช่ารายวันยังส่งผลให้เกิดคุณค่ากับตัวเราได้มากกว่าการซื้อรถยนต์ใช้เอง และทำให้เรามีเวลาอยู่กับครอบครัวหรือคนที่เรารักได้มากมากขึ้น ซึ่งถ้าแลเห็นแล้วว่าการเช่ารถรายวันได้ประโยชน์ สูงสุดเยอะมากขนาดนี้แล้วทุกๆคนจำเป็นที่จะต้องหันมาใช้บริการการเช่ารถรายวันให้มากเพิ่มขึ้นเพื่อความสบายสำหรับในการเดินทางและวิธีทำธุระ

วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2562

เช่ารถรายเดือน




การเช่ารถรายเดือน เป็นการให้บริการเช่ารถยนต์ระยะกึ่งกลาง ตั้งแต่ 1 ข้างขึ้นไป เหมาะกับลูกค้าที่อยากได้ใช้รถยนต์ที่อยู่ระหว่างการนำรถยนต์เข้าซ่อมแซม, ใช้ไว้สำหรับเพื่อการเดินทางท่องเที่ยวชนบท หรือ ใช้สำหรับเพื่อการทำธุระต่างๆซึ่งจะช่วยทำให้ลูกค้าได้วางแผนใช้งานรถยนต์โดยตลอด ซึ่งได้ประโยชน์ในด้านราคาของรถเช่าทุกเดือน ที่มีค่าเฉลี่ยถูกกว่าการเช่ารถยนต์แบบรายวัน ได้ถึงจำนวนร้อยละ 40 อย่างยิ่งจริงๆ

รถเช่ารายเดือน BANANA Rent-a-carพวกเรายินดีเสนอการเช่ารถยนต์แบบทุกเดือน พวกเราพร้อมให้บริการรถเช่าทุกเดือนคุณภาพดี รถยนต์ของพวกเราเป็นรถยนต์ใหม่ทุกคัน ก่อนส่งรถยนต์ให้กับลูกค้า รถเช่าทุกเดือนของพวกเราจะผ่านการตรวจสอบความพร้อมสำหรับการใช้งานโดยกลุ่มช่างที่มีประสบการณ์ พวกเราพิจารณาความพร้อมสำหรับการใช้งานของรถเช่าทุกเดือนทุกคันตามมาตรฐานที่ผู้สร้างรถยนต์เสนอแนะมากยิ่งกว่า 20 รายการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่าจะไม่มีปัญหาในระหว่างการเดินทาง

ท่านสามารถขับขี่รถเช่ารายเดือนไปทำธุระใกล้ไกล ไหนก็ได้ในประเทศไทย ไม่จำกัดระยะทาง ไม่จำกัดเวลา ขับสบายตามใจลูกค้า พอใจติดต่อเช่ารถรายเดือนกับพวกเรา ท่านจะได้รับสิทธิพิเศษ ค่าใช้จ่ายในการเช่ารถยนต์ลดน้อยลงเมื่อเปรียบเทียบกับการเช่ารถรายวันถึง 40% และก็พวกเรายังมีนโยบายเตรียมพร้อมรถยนต์สำรองให้ลูกค้าใช้งานเมื่อเช่ารถรายเดือนไป แล้วมีปัญหาการใช้แรงงานหรือเกิดอุบัติเหตุระหว่างการใช้แรงงาน บริการช่วยเหลือรีบด่วนตลอดทั้งวันทั้งคืน ซึ่งข้อดีของรถยนต์ชนิด BANANA Rent-a-car จะเป็นรถยนต์ขนาดเล็ก ขับคล่องแคล่ว หาที่จอดรถง่าย แล้วก็ที่สำคัญประหยัดน้ำมัน แบบคุ้มสุดๆ

วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2562

ทักษะ ความรู้ พรสวรรค์ และเทปกาว?

ทักษะ ความรู้ พรสวรรค์ หลายคนอาจมองว่าคล้ายคลึงกัน หรือเป็นส่วนประกอบของกันและกัน แต่ถ้ามองถึงที่มาที่ไป ล้วนแตกต่างกัน อีกผมยังเชื่อว่า สิ่งเหล่านี้กำหนดความสำเร็จของคนเราได้ และปิดกันการพัฒนาตนเองของหลายคนได้ ส่วนเทปกาวมาไงนั้น? มันก็มีเรื่องของมันอยู่..
ตั้งชื่อบทความนี้ทีแรกไว้ว่า ทักษะ ความรู้ พรสวรรค์ และเทปกาว? พอเขียนจบ อยากจะเพิ่มว่า “ทักษะ ความรู้ พรสวรรค์ และเทปกาว? กับ มาราโดนา” คงจะงงไปกันใหญ่ (ฮ่า) เช่ารถ
เข้าเนื้อหากันตรง 3 สิ่งที่กล่าวไป เราจะลองแยกแยะดูว่า แตกต่างกันอย่างไรในบทความนี้ และมีแง่คิดประโยชน์อะไรในบริบทนี้
ความรู้ : น่าจะเป็นสิ่งที่อธิบายไม่ยาก เพราะเกิดได้จากทุกสัมผัสของคนเรา การได้เห็น(อ่าน) ได้ยิน ได้ลองสัมผัส ขึ้นอยู่กับว่าเป็นความรู้ด้านไหน แต่ทั้งสิ้นล้วนเกิดขึ้นกลายเป็นความ จดจำ เรียนรู้บันทึกไว้ในสิ่งที่มีประโยชน์
ทักษะ : แปลความตามหลักว่า ความชำนาญ ที่อะไร ๆ หากเกิด(ทำได้)เพียงครั้งเดียวนั้น จะเรียกว่า ชำนาญคงไม่ได้ ความชำนาญ ย่อมเกิดจากการลงมือทำหลายครั้ง หรือฝึกฝน จนมากประสบการณ์ นั่นก็ได้ ตรงนี้เปรียบกันระหว่าง ความรู้ กับความชำนาญ เราคงพอจะเริ่มเห็นความแตกต่าง
พรสวรรค์ : ที่เขาบอกว่าสิ่งนี้มีมาแต่กำเนิด เรื่องนี้เป็นสิ่งที่บังคับไม่ได้ เลือกไม่ได้ แต่ในอีกด้าน โดยอย่างยิ่งในหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยาแนวใหม่ เป็นไปทางให้ไม่เชื่อในเรื่องนี้ ซึ่งเดี๋ยวผมก็จะไล่เรียงกันไปดู
ทีนี้แล้วอะไรสำคัญสุดในการสร้างความก้าวหน้า หรือพัฒนาตนเองให้ประสบความสำเร็จ ถ้ามองจาก 3 สิ่งที่เรากำลังพูดถึงอย่างเท่าเทียม ไม่มีปัจจัยอื่น การมี พรสวรรค์ ย่อมน่าจะทำให้คน ๆ หนึ่งก้าวหน้าไปได้ไกลกว่า ก็เพราะคนมีความรู้ หรือมีทักษะ มีมากมาย แต่จะเก่งแค่ไหนก็ไม่รู้.. คนมีพรสวรรค์ สิเก่งแน่นอน..
ถ้าคิดว่าไม่มีพรสวรรค์ ก็ไม่มีวันสำเร็จนะสิ ที่จริงใครมีพรสวรรค์?
ถ้าเราหลงคิดอะไรคล้าย ๆ แบบนี้ ในแง่ที่คนเก่ง คนสำเร็จ ต้องมีอะไรบางอย่างที่มากกว่าแค่ความรู้ ทักษะ นั้น ก็จะปิดตายการพัฒนาของคน ๆ นั้นไปเลย เพราะว่าเมื่อเขารู้(มีความรู้) ได้ลองทำ(มีทักษะ) และไม่สำเร็จ(ดั่งใจ) เขาอาจล้มเลิกไปด้วยเหตุผลว่า เราคงสู้พวกมีพรสวรรค์ ไม่ได้
จะว่าไปแล้วพรสวรรค์นั้น ไม่มีเลย ก็อาจรู้สึกว่าไม่ใช่ เราอาจเคยสงสัยว่า คนบางคน เก่งอะไรง่ายดายเหลือเกิน จึงตอบความสงสัยนั้นว่า เพราะพรสวรรค์นี้แน่..
อยากให้ลองมาคิดดูกันแบบเป็นกลาง ปล่อยวางความเชื่อลงก็อาจนึกได้ว่า อะไรที่เราเรียกว่าพรสวรรค์กับสิ่งหนึ่ง เช่น ในด้านกีฬา คนตัวสูง ใหญ่ ได้เปรียบในกีฬาบางประเภทใช่หรือไม่? เราจะเรียกว่าพรสวรรค์ได้หรือไม่? แน่นอนหลายคนคงบอกว่าไม่ใช่ แต่ก็คงมีที่หลงลืมมองอะไรบางมุมแบบนี้ไป แล้วไปรวมความเอาว่า มีพรสวรรค์ ทั้งที่แค่มีบางสิ่งได้เปรียบ
ในกีฬา หลายประเภทคนที่รูปร่างดูเสียเปรียบ ก็มีเก่งมากมาย เช่น ถ้าคุณดูฟุตบอล รู้จักตำนานสักนิดหนึ่ง คุณคงจะรู้จัก ดีเอโก้ มาราโดนา Diego Maradona นักฟุตบอลที่หลายคนยกว่า เก่งที่สุดในโลก สำหรับคนไม่รู้จักลองเสิร์ช ดูรูปร่างเขา จะพบว่า ไม่น่าจะเก่งที่สุดได้เลย วิเคราะห์ จากตรงนี้ต่อว่าความเก่งของ มาราโดนาคืออะไร หรือพรสวรรค์ คืออะไร การยิงประตู? การเลี้ยงบอล? การยืนตำแหน่ง? การวิเคราะห์คู่ต่อสู้? เราคงคิดว่าหาไม่เจอ หรือหลายคนบอก ก็ทั้งหมดนั่น.. ซึ่งไม่ผิดเลย
แต่เมื่อคุณ ค่อย ๆ แยกออกมาแล้ว คุณจะเริ่มรู้สึกว่า ที่จริงในส่วนประกอบเหล่านั้น ก็ล้วนเป็นทักษะ ไม่ว่าจะเป็นด้าน การยิงประตู, การครองบอล, การอ่านเกมส์ ที่ต่างล้วนมีคนเก่ง ๆ ในแต่ละทักษะ เหมือนกัน เพียงแต่ อาจไม่เท่ากันบ้าง หรือไม่เก่งไปหมด และมากกว่านี้ มาราโดนา ก็ไม่ได้เล่นดีตลอดเวลา เหมือนกันกับนักฟุตบอลเก่ง ๆ ทั่วไป ที่มีฟอร์มตกเป็นบางครั้ง ภาพรวมคือ เขาแค่มีระดับในทักษะต่างๆ ที่สูง รวมถึงรักษามาตรฐานการเล่นได้ดีกว่า นักเตะคนอื่น นั่นทำให้เขาถูกยกว่าเก่งกว่าคนอื่น ซึ่งก็สมควรได้รับคำชมนั้น แต่แท้แล้วใช่ว่าจะมีสิ่งหนึ่งสิ่งใด เหนือว่านักเตะทั่วโลกดั่งมนุษย์ต่างดาว ไม่มีทักษะอะไรที่นักเตะคนอื่นทำแบบมาราโดนา ไม่ได้ (เว้น Hand of god ตบบอลเข้าประตู ฮ่า เรื่องขำๆ นะครับ)
ถ้าคิดตามกันทันตรงนี้ เมื่อเราแยก หรือแตกประเด็กออก ก็น่าจะทำให้คำว่า พรสวรรค์ มีเหตุผลมากขึ้น ว่ามันก็คือทักษะชนิดหนึ่ง มีการเปลี่ยนแปลงได้
ว่าต่อในด้านกีฬานี้ ที่จริง คนที่มีรูปร่างดี ร่างกายแข็งแรง ก็น่าจะเรียกว่ามีพรสวรรค์ทางกีฬานะ แต่เราก็มองว่าไม่ใช่ เพราะดังที่เห็นคนรูปร่างดีใช่จะเล่นกีฬา เก่งซะหมด เราเชื่อแค่สิ่งที่เราเห็น พรสวรรค์ คือคำตอบของสิ่งที่เราไม่เห็นก็เท่านั้นหรือเปล่า? ซึ่งหากเปรียบกันด้านอื่น การมีรูปร่างดี คือ ต้นทุนที่ดี ถ้าเขาต่อยอดไปได้ หลายคนก็อาจเรียกมันว่า พรสวรรค์ อีกอยู่ดี…
ดังที่กล่าว เพียงเพราะเราไม่เห็น และแน่นอนว่า มันยากที่จะเห็นที่มาที่ไปของความสำเร็จของคน ๆ หนึ่ง เชื่อว่าถ้าถามหลาย ๆ คนที่เขาประสบความสำเร็จ เขาก็คงบอกว่า “เขาไม่ได้มีพรสวรรค์” อะไร
มองพรสวรรค์ เป็นแค่ต้นทุนด้านหนึ่งที่คุณอาจคิดไม่ออกเอง
หลานชายผมคนหนึ่งที่ผมเห็นแบบใกล้ชิดมาตั้งแต่เกิด เขาเป็นนักวิ่งวัยประถม วิ่งได้เร็วมาก เด็กคนนี้มีพรสวรรค์แน่นอนในสายตาคนอื่น..
ด้วยความที่ผมเห็นการเติบโตของเขา ผมกลับไม่แปลกใจ พ่อของเขาใส่ใจสุขภาพลูกเขามาก พาไปเดินเล่นตั้งแต่เล็ก ๆ เป็นการออกกำลังทุกวัน และเป็นกิจวัตรที่เขาพาเดินเข้าออก ซอยบ้าน(ในกรุงเทพฯ) ด้วยระยะทางที่ผู้ใหญ่บางคนยังขี้เกียจเดิน วัยเพียงไม่ถึง 3 ขวบดี เด็กคนนี้เดินขึ้นภูเขาเที่ยวกับพ่อได้สบาย (ด้วยความเด็กที่สนุกมากกว่าเหนื่อย) และพ่อเขา ไม่เคยคิดหรือวางแผนว่าจะต้องให้ลูกเป็นนักวิ่ง นักกีฬาอะไรเลย.. พรวรรค์การวิ่งเด็กคนนี้มีหรือไม่? หรือบังเอิญได้ขาที่แข็งแรงจากรูปแบบชีวิตดังกล่าว?
ในยุคสมัยที่การเลี้ยงเด็กล้วนมีข้อมูลทางการแพทย์มากมาย หลายคนรู้จักคำว่า กล้ามเนื้อมัดเล็ก มัดใหญ่ เด็กคนหนึ่งวาดรูปได้ดี ก็เพราะกล้ามเนื้อพวกนี้บังคับมือไม่ใช่หรือ ยุคนี้พ่อแม่ที่ใส่ใจอาจฝึกได้ เด็กสมัยนี้จึงปัด iPad ได้รวดเร็ว (ฮ่า) ยุคสมัยก่อนมันก็อาจเกิดเพราะความบังเอิญ ของเด็กคนหนึ่งในการเลี้ยงดู พ่อเขาอาจปั้นควาย วางไว้ข้าง ๆ เด็กจับเล่นหมุนไปมา คล้ายที่ผมยกตัวอย่างเรื่องวิ่งไป ทำให้เด็กคนนี้วาดรูปได้ดี ประกอบกับเชิงจิตวิทยาที่ว่า เมื่อพอวาดรูปดีขึ้นมาแล้วถูกชื่นชม เด็กก็ยิ่งทำสิ่งนั้นด้วยความสุข แน่นอนว่ามันต่อยอดกันไป พรสวรรค์ ทางศิลปะ ที่เหมือนว่าไม่มีที่มา บางที นี่ก็แค่ทักษะ (การทำซ้ำ หลังจากได้รับคำชม) ผ่านต้นทุนทางกายอีกเช่นกัน และมันนำให้เขาเก่งขึ้นด้วย ความรู้.. (เทคนิคการวาดที่มากขึ้น) ถ้าเขายังทำมันต่อไป..
จุดสังเกตุหนึ่งคุณอาจจะเริ่มเห็นว่า คนเราเพียงแค่มีต้นทุนต่างกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเราพัฒนาอะไรไม่ได้ ในอีกด้านมีต้นทุนมากกว่า ต่อยอดไม่ได้มันก็ไร้ประโยชน์ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยมีต้นทุนดี ๆ ในหลายเรื่องแต่ติดกรอบความคิด (Mindset) ข้ออ้าง ที่คล้าย ๆ กับการไปคิดว่าเราไม่มีพรสวรรค์ แค่เก่งระดับหนึ่ง ไม่กล้า ต่าง ๆ นา ๆ จึงสูญเสียทักษะเหล่านั้นไป ที่น่าจะทำให้สำเร็จได้ในอดีต
แล้วในเชิงความคิดล่ะ พรสวรรค์ ทางความคิด ไอเดียล่ะ เช่นศิลปะก็ไม่ใช่แค่วาด เรื่องนี้หากเราเข้าใจกลไลของความคิด สมองอะไรเสียหน่อย จะพบว่า แม้ตัวเราเองก็แสดงพฤติกรรมไม่คาดคิด ไม่รู้ตัวออกมาได้ นี่หมายถึงด้วยกลไกอันซับซ้อนของสมอง เราล้วนรับสิ่งต่าง ๆ จากประสบการณ์ สั่งสมเป็นจิตใต้สำนึก ที่ส่งผลต่อความคิดตัดสินใจในหลายด้าน ขึ้นอยู่กับว่าชีวิตแต่ละคนพบเจอและเลือกอะไรต่อไป เรื่องนี้ก็คล้ายกัน คนที่มีโลกในมุมแคบก็ยากที่จะมีความคิดเชิงสร้างสรรค์ ก็เพราะมันเห็นมาไม่มากพอ มีประสบการณ์ไม่มากพอ หรือ ชีวิตไม่ค่อยได้ตัดสินใจอะไร ถูกตำหนิ ถูกฝังหัวว่าการทำผิดเป็นเรื่องใหญ่เกินจริง มาตลอด ทำให้กลายเป็นคนกลัวการตัดสินใจ มันก็ย่อมส่งผลให้เป็นคนไม่ชอบคิด คิดบ่อย ๆ เจอปัญหา ก็ต้องแก้ แก้บ่อย ๆ คิดบ่อย ๆ การทำซ้ำ ๆ ก็ย่อมเป็นทักษะอย่างหนึ่ง ขยายต่อไปได้อีกว่ากล้าประยุกต์ การปรับปรุง  พรสวรรค์ ทางความคิดก็ไม่ได้มีอะไร มากกว่า ที่ผ่านมามี ประสบการณ์ กับมุมมองต่อสิ่งต่างๆ อย่างไร ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเรื่องที่เคยพบเจอหรือเหมือนเดิม แต่มันจะมีบางสิ่งที่ทำให้เกิดการตัดสินใจได้ไม่ต่างกัน และแน่นอนมันเปลี่ยนได้ทันที ถ้าคุณเข้าใจ
ต้นทุนทางกายอาจสร้างไม่ได้แล้ว แต่ทางความคิดสร้างได้มากมายไม่สิ้นสุดด้วยความรู้
เมื่อคุณอายุมากขึ้นแล้ว ที่จริงก็คิดว่าทุกคนที่ผ่านมาอ่าน สิ่งที่ต้องต่อยอดคือ ความคิด เพราะเป้าหมาย ณ วันนี้คงไม่ใช่การเป็นนักกีฬา นักเต้น หรืออะไร ๆ ที่ใช้ร่างกาย ซึ่งไม่ได้บอกว่าทำไม่ได้ แค่มองว่าน่าจะอยู่ในสถานะสร้างความมั่นคงให้ชีวิต ดังนั้น ต้นทุนทางกายอาจสร้างไม่ได้แล้ว แต่ทางความคิดสร้างได้มากมายไม่สิ้นสุดด้วยความรู้ มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรู้เพิ่มขึ้นหรือไม่ในแต่ละวันของชีวิต หรือจบที่ ไม่มีพรสวรรค์ ไม่มีต้นทุน ไม่มี นั่น นี่ โน่น.. และชีวิตหยุดเท่านี้..
เทปกาว…
เครดิตภาพ www.baanandbeyond.com
อาทิตย์ก่อนหน้าผมจะเขียนบทความนี้ ผมไปจัดกิจกรรม Team building ให้หน่วยงานหนึ่ง ซึ่งในนั้นมีโครงการสร้างอัตลักษณ์องค์กรอยู่ด้วย ด้วยการทำกิจกรรมจึงทำให้อุปกรณ์การทำงานของเรามีมากมาย หนึ่งในนั้นคือ เทปกาว เรามีหลายอัน และมีอันหนึ่งเป็นสีฟ้า..
ในระหว่างนั้นเราจำเป็นต้องนำกระดาษฟลิปชาร์ตขึ้นไปแปะ เพื่อให้ผู้ทำกิจกรรมอ่านข้อความ ทีมงานผมคนหนึ่ง ก็ไปหยิบกระดาษกาวสีฟ้า นี้มาติด ในตอนนั้นผมไม่ได้มอง หันมาอีกที เขานำมันไปติดกับแอร์ เขารีบบอกว่า มันติดไม่อยู่ (เลยต้องติดตรงนี้) ผมหัวเราะเล็กน้อย แล้วบอกว่ามันจะติดได้ยังไง เพราะมันไม่ใช่สำหรับติด มันไม่เหนียว เขาอาจงง (หรือเข้าใจไปแล้วไม่แน่ใจ) ด้วยความรีบผมจึงต้องทำงานต่อไป..
เทปกาวสีฟ้านี้ คือเทปกาวทำแนว ทำเขต หรือสำหรับตีเส้นเวลาทาสี เราเอามาใช้ทำเส้น เขต แปะพื้นในห้องประชุม ด้วยคุณสมบัติที่มันไม่ติดพื้นผิวเกินไป ทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ลอกออกไม่ทำให้พื้นห้องประชุมเขาเป็นรอย ผมคิดแบบรับผิดชอบสถานที่ที่เราไปทำงาน จึงนำเทปกาวแบบนี้มาใช้ แน่นอนว่าเรามีเทปกาวอีกแบบสำหรับไว้ติดอะไรจริง ๆ
แค่เทปกาวก็มีหลากหลาย ด้วยคุณสมบัติ ต่างกัน เทปโอพีพี ที่ผนึกกล่องกระดาษ คุณสมบัติคือเหนียว แกะแล้วกล่องขาดไปด้วย แต่นั่นคือคุณสมบัติมัน ให้ยึดติดกล่องให้อยู่ไม่ให้ของข้างในหลุดมาได้ง่าย ๆ
เทปกาวย่น อันนั้นคือติดกับสิ่งต่างๆ ได้หลากหลาย
นอกจากนี้ยังมีเทปกาวย่นกันร้อน, แบบกันชื้น, เทปสองหน้าแบบโฟม, แบบบาง, เทปใสแบบฟิล์ม เหล่านี้เป็นแค่ความรู้ กับไม่รู้ ที่แต่ละคน เอามาใส่ใจในการทำงานต่างกัน..
ความรู้ ทำให้เราเริ่มทำบางอย่างได้ ทำไปมากๆ ก็เกิด ทักษะ ทักษะที่เกิดจากการทำจนชำนาญ แต่ถ้าขาดความรู้ เราก็ทำได้แค่นั้น บางทีก็คิดว่าชำนาญเหมือนมองว่า ก็แค่เทปกาว แบบนี้ก็ไม่พัฒนา ถ้าสลับวนแบบก้าวหน้าคือ ความรู้ใหม่ ได้ทักษะใหม่ เพื่อไปเรียนรู้ใหม่..
เมื่อมีทักษะทุกด้านในงานที่เราต้องทำ เก่งทุกทักษะ… เราก็คงเหมือนมาราโดนาได้ ไม่วันใด ก็วันหนึ่ง แต่ถ้าเชื่อพรสวรรค์ ก็จบกันไปตรงนี้.. โชคดีครับ..
…หลายคนคงยังแอบงงอยู่ดี เกี่ยวอะไรกับเทปกาว ฮ่า..
ปล. เรื่องเทปกาวเป็นแรงบันดาลใจให้เขียนเรื่องนี้ครับ

วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2562

คำคม ข้อคิด สร้างแรงบันดาลใจสู่ความสำเร็จ





คำคม ข้อคิด สร้างแรงบันดาลใจสู่ความสำเร็จ
May 17, 2018 7:51 pm1 Comment

คำคม ข้อคิด สร้างแรงบันดาลใจสู่ความสำเร็จ
มันคงไม่ดีแน่ถ้าเราขาดแรงจูงใจในการใช้ชีวิต ชีวิตติดขัด ทำให้ไม่รู้จะทำอะไรต่อไป บางคนขาดทรัพยากรทำให้เดินหน้าต่อไปไม่ได้ บางคนมีพร้อมซะจนไม่อยากทำอะไรอีก แรงจูงใจของเรามันเพิ่มขึ้นและลดลงได้ตลอดเวลาขึ้นอยู่กับปัจจัยรอบตัว ผลบอลสด พร้อมราคา


รู้ตัวว่าต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่าง อาจจะเป็นเรื่องที่ทำงาน เรื่องส่วนตัว แต่ก็ยังคิดไม่ออก เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน สิ่งสำคัญคือเราต้องลงมือทำบางอย่าง อย่าเผลอติดกับดัก อย่าลืมตัวใช้ชีวิตที่ติดขัด

ชีวิตติดขัดไม่ได้แย่ แต่ติดอยู่แบบนั้นตลอดไปเป็นเรื่องใหญ่ เราควรเรียนรู้ที่จะฟันฝ่าอุปสรรคและหลุดออกจากกับดักให้ได้

เราต้องการสิ่งที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ในชีวิต แต่บางครั้งเราก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง บางคนประสบความสำเร็จและหลงอยู่กับอดีต จมอยู่กับความสำเร็จเพียงแค่นั้น

เมื่อเรารู้สึกติดขัด หรือติดกับดักจนเราขยับไปไหนไม่ได้ การเปลี่ยนแปลงอาจเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ถ้าไม่เปลี่ยนเราก็ต้องทนอยู่ในที่ที่เราไม่ควรอยู่ ติดขัดเป็นเพียงความรู้สึก และเราก็ทำบางอย่าง เราดิ้นเพื่อให้หลุดออกมาได้

ชีวิตที่อยู่กับที่ก็เหมือนร่างกายที่นั่งไม่ขยับไปไหนเป็นเวลานานๆ ทำให้เลือดไม่ไหลเวียน กระบวนการเมตาบอลิซึมต่ำลง สมองขาดออกซิเจน คิดอะไรก็ไม่ออก ทำอะไรก็ไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ

ลองถามตัวเองว่า เราต้องการอะไรกันแน่? อะไรที่มันรั้งหรือขัดขวางไม่ให้เราได้สิ่งนั้น? แล้วเราจะแก้ไขมันยังไง?

ความกลัว
เหตุผลสำคัญที่ทำให้เราไม่ยอมตัดสินใจทำอะไรคือความกลัว กลัวเจ็บตัว กลัวล้มเหลว กลัวผลลัพธ์ออกมาไม่ดี กลัวโดนวิจารณ์ กลัวเสียความมั่นใจ

คนที่ประสบความสำเร็จ ต่างก็ต้องพบอุปสรรค ต้องเจอกับความยากลำบาก ชีวิตที่ต้องดิ้นรน แต่คนเหล่านั้นก็ไม่ท้อแท้

การล้มเหลว จาก การทำผิดพลาด เป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้นกับเราหรือใครๆ ก็ได้ รวมถึงคนที่ประสบผลสำเร็จ คนเหล่านั้นต่างก็เคยล้มเหลวมาก่อน ตอนเด็กๆ เราเชื่อว่าทุกคนเคยได้ยินเรื่องราวของ ทอมัส เอดิสัน เซอร์ไอแซก นิวตัน โตขึ้นมาหน่อยก็เป็นเรื่องของบิล เกตส์ เจเค โรว์ลิง หรือไมเคิล จอร์แดน คนเหล่านี้เค้าเคยล้มเหลว แต่สุดท้ายก็ประสบความสำเร็จ

I’ve missed more than 9000 shots in my career. I’ve lost almost 300 games. 26 times, I’ve been trusted to take the game winning shot and I missed. I’ve failed over and over and over again in my life, and that is why I succeeded.—Michael Jordan

โดยเฉพาะ เจเค โรว์ลิง เรารู้กันว่าก่อนจะประสบผลสำเร็จ เค้าเคยส่งต้นฉบับไปให้สำนักพิมพ์ 12 แห่งพิจารณา แต่ก็ได้รับการปฏิเสธทั้งหมด แต่ในที่สุดผลงานก็ได้รับการอนุมัติ การที่ล้มเหลวจนถึงจุดต่ำสุด ช่วยให้เราทุ่มพลังให้กับบางอย่าง ทำให้มันออกมาดีที่สุด

I’ve missed more than 9000 shots in my career. I’ve lost almost 300 games. 26 times, I’ve been trusted to take the game winning shot and I missed. I’ve failed over and over and over again in my life, and that is why I succeeded.—Michael Jordan

แรงบันดาลใจ
แรงบันดาลใจเป็นส่วนสำคัญที่จะกระตุ้นให้เราเริ่มต้นลงมือทำ มุ่งไปยังเป้าหมายที่วางไว้ รักษาโมเมนตัม มีความสม่ำเสมอและอดทน แล้วเราจะพบความก้าวหน้าที่เร็วขึ้น

แรงบันดาลใจที่จะกระตุ้นตัวเอง เราหาได้จากบุคคลที่ชื่นชม บุคคลที่ประสบความสำเร็จ คนที่มีประสบการณ์ชีวิตมากมาย เราได้รับแรงบันดาลใจจากคำพูดของคนเหล่านั้น คำพูดที่สร้างแรงบันดาลใจ ให้แง่คิด คำพูดที่เปี่ยมด้วยพลังที่ขับดันให้เราลงมือทำ ช่วยให้เราเกิดความชัดเจน ทำให้เรารู้ตัว เข้าใจอย่างชัดเจน ถึงเส้นทางที่เรากำลังเดินไป

คำคม ข้อคิด เป็นบทเรียนชีวิตที่สื่อผ่านคำพูดสั้นๆ ของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ

คำคมและข้อคิดดีๆ
ประโยชน์ของคำคมหรือข้อคิดดีๆ มันจะช่วยให้เรารู้ตัวอยู่เสมอ มันจะคอยสะกิดเรา ทำให้เรารู้ ว่าเราทำได้ สร้างแรงกระตุ้น จุดประกายให้เราตื่นในทุกๆ วัน ในแต่ละวันที่เราต้องเจอปัญหา ความคิดแง่ลบที่เกิดขึ้น มันจะทำให้อารมณ์ไม่ดี มันรบกวนจิตใจ และการใช้คำคมหรือข้อคิดเพื่อจุดประกาย มันจะเปลี่ยนอารมณ์ให้เป็นบวก ทำให้เราคิดบวกได้

สิ่งที่เราเชื่อในวันนี้ พรุ่งนี้เราอาจจะต่อต้านมันก็ได้ คำคม ข้อคิดดีๆ จะช่วยให้เราคิดบวก ช่วยให้ค่อยๆ เปลี่ยนทัศนคติของเรา ทำให้เราเปลี่ยนมุมมองใหม่ ช่วยให้เรามองเห็นทางสว่าง และมองในแง่ดี ช่วยให้เราเปลี่ยนความคิด ไม่ให้จมอยู่กับปัญหา แต่ให้เริ่มหาทางแก้ไข ช่วยให้เราเผชิญหน้ากับปัญหาได้ ช่วยเป็นเกราะป้องกันเราจากความคิดแง่ลบ

People often say that motivation doesn’t last. Well, neither does bathing — that’s why we recommend it daily. — Zig Ziglar

การสร้างแรงจูงใจ การสร้างแรงบันดาลใจ ก็เหมือนกับการอาบน้ำ ครั้งเดียวไม่พอ แต่เราต้องทำเป็นประจำสม่ำเสมอ ร่างกายเราต้องการการชำระล้าง จิตใจเราก็ต้องการแรงกระตุ้นเช่นกัน

ในบทความนี้เราจะรวบรวมคำคม หรือข้อคิดดีๆ คำพูดของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ ที่เราเห็นว่ามันเกี่ยวข้องกับความสำเร็จและจะเป็นประโยชน์กับเราได้

ข้ออ้าง
Knowing is not enough, we apply. Willing is not enough, we must do.—Bruce Lee

เมื่อชีวิตติดขัด เราจะขยับไปไหนไม่ได้ จนกว่าเราจะรู้ว่ามีอะไรบ้างที่เราจำเป็นต้องทำ ลงมือทำทันทีไม่ปล่อยให้พลาดโอกาส

แต่หลายคนที่หาข้ออ้างว่าทำไมถึงไม่ยอมทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำ ข้ออ้างทำให้หยุดอยู่กับที่ มันทำให้เราติดกับดัก ทำให้เราพลาดโอกาสดีๆ ที่ผ่านเข้ามา

Knowing is not enough, we apply. Willing is not enough, we must do.—Bruce Lee

รู้ด้วยตัวเอง
Instinct is the opposite of science. Research tells you what others have learned. Instinct tells you what you have learned.—Tim Grover

หลายคนคิดว่าถ้ามีความรู้เพียงพอ จะทำให้ประสบความสำเร็จได้ ถ้าทำวิจัยมากพอ มันจะทำให้สำเร็จได้ หลายคนที่รู้มากกว่าคนอื่นๆ แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ เราไม่สามารถจับคนเก่งๆ มารวมตัวกัน แล้วหวังว่าจะประสบความสำเร็จได้ง่ายๆ

รู้อย่างเดียวยังไม่พอ แต่เราต้องลงมือทำ เราต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์ยากลำบาก เดิมพันอนาคตของตัวเอง มุ่งมั่นทำสิ่งที่คนอื่นๆ ไม่กล้าทำ ไปในทางที่คนอื่นไม่กล้าไป

Instinct is the opposite of science. Research tells you what others have learned. Instinct tells you what you have learned.—Tim Grover

ไม่มีทางอื่นแล้ว
The Bhagavad-Gita tells us we have a right only to our labor, not the fruits of our labor. All the warrior can give is his life; all the athlete can do is leave everything on the field.— Steven Pressfield, The War of Art

ถ้าเราหวังจะทำตามเป้าหมายให้สำเร็จ ถึงแม้ว่ามันจะเหนื่อยล้า ถึงแม้จะสับสนหรือกดดันแค่ไหน แต่เราก็ต้องอดทนทำงานทุกวัน บอกกับตัวเองอยู่เสมอ ว่าเราไม่มีทางเลือกอื่น มีแต่จะต้องก้มหน้าทำงานต่อไปให้สำเร็จ เราไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว

โอกาสมันจะเข้ามาถ้าเรายังคงมุ่งมั่นทำงานหนัก แต่กว่าจะถึงวันนั้น สิ่งที่เราทำได้ก็เพียงแค่ ก้มหน้า ทำงานต่อไปด้วยความอดทน สิ่งดีๆ มันจะเกิดขึ้นกับคนที่รอได้ แต่สิ่งที่ดีที่สุด จะเกิดขึ้นกับคนที่ลงมือทำเท่านั้น

ไม่ว่าใครก็ฝันถึงเป้าหมายที่ต้องการได้ แต่มันจะไม่สำเร็จถ้าเราไม่ลงมือทำเพื่อไปยังเป้าหมาย เริ่มจากวันนี้ เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ที่พอทำได้

อย่าทำงานเพียงแค่หวังว่าจะได้ผลลัพธ์ แต่ให้ลงมือทำงานด้วยใจที่มุ่งมั่น ไม่ยึดติดกับความสำเร็จหรือความล้มเหลว

The Bhagavad-Gita tells us we have a right only to our labor, not the fruits of our labor. All the warrior can give is his life; all the athlete can do is leave everything on the field.— Steven Pressfield, The War of Art

หยุดคิด
Don’t think. You already know what you have to do, and you know how to do it. What’s stopping you? —Tim Grover

หยุดคิดวิเคราะห์ เชื่อมั่นในสัญชาติญาณของตัวเอง แล้วลงมือทำสิ่งที่เรารู้สึกว่าต้องทำ หลายครั้งที่ความผิดพลาดเกิดจากการที่ไม่ฟังเสียงหัวใจของตัวเอง

Don't think. You already know what you have to do, and you know how to do it. What's stopping you? —Tim Grover

ความมุ่งมั่น
Successful people do what unsuccessful people are not willing to do. Don’t wish it were easier; wish you were better.— Jom Rohn

เราแค่สนใจอยากทำหรือเรามีความมุ่งมั่น บางคนแค่มีความรู้สึกสนใจที่จะทำ สนใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่เมื่อทำไม่ได้ก็จะมีข้ออ้างเสมอ เช่น ไม่มีเวลา ไม่รู้ต้องทำยังไง

ถ้ามันง่าย คนอื่นๆ ก็คงทำกันได้หมด ถ้าเราแค่สนใจ เราก็จะทำเมื่อเราสบายใจ เอาที่เราสะดวก แต่ถ้าเรามุ่งมั่น เราก็จะทำทุกอย่างที่จำเป็น

ถ้าเราต้องการไปให้ถึงเป้าหมาย เราก็ต้องมุ่งมั่นที่จะทำ มีใจรักที่จะทำ และไม่มีอะไรมาขัดขวางเราได้

ถึงแม้ตอนนี้ยังทำไม่ได้ ก็ต้องพยายามเรียนรู้ที่จะทำ เลือกทำสิ่งที่เรารัก หลีกเลี่ยงสิ่งที่เราไม่ชอบ

Successful people do what unsuccessful people are not willing to do. Don’t wish it were easier; wish you were better.— Jom Rohn

วางแผนชีวิต
 If you don’t design your own life plan, chances are you’ll fall into someone else’s plan. And guess what they have planned for you? Not much.—John Rohn

เข้าควบคุมชีวิตของตัวเอง รู้จักบริหารและป้องกันเวลาของตัวเอง อย่าปล่อยให้คนอื่นแย่งชิงเวลาจากเราไป วางแผนชีวิตของตัวเอง เพราะถ้าเราไม่วางแผน เราก็จะต้องทำตามแผนของคนอื่น

If you don't design your own life plan, chances are you'll fall into someone else's plan. And guess what they have planned for you? Not much.—John Rohn

ตั้งเป้าหมาย
What you get by achieving your goals is not as important as what you become by achieving your goals.—Henry David Thoreau

การทำตามเป้าหมายได้สำเร็จเป็นสิ่งที่ทุกคนคาดหวัง ไม่ว่าจะเป็นผลการเรียนที่ดี ผลการทำงานที่ดี หรือน้ำหนักที่ลดลง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นรางวัลที่เราได้รับ

แต่สิ่งที่มีค่ามากกว่านั้นคือ ระหว่างทางที่เราต้องทำเพื่อบรรลุเป้าหมาย สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเป็น ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เรากลายเป็นคนที่ดีขึ้น อดทนและมีวินัยมากขึ้น ยอมรับและมั่นใจในตัวเองมากขึ้นหลังจากที่ทำสำเร็จ หรือการเรียนรู้จากความผิดพลาด

ตั้งเป้าหมายให้สูงเพื่อขับดันให้เราทำ ให้เราเปลี่ยนแปลง เพื่อที่จะทำสิ่งที่จำเป็น และไม่ว่าจะบรรลุเป้าหมายหรือไม่ก็ตาม สิ่งที่เราได้รับจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ก็ถือว่าคุ้มแล้ว

What you get by achieving your goals is not as important as what you become by achieving your goals.—Henry David Thoreau

ความผิดพลาด
I have not failed. I’ve just found 10,000 ways that won’t work.—Thomas Edison

ความพยายามที่ดูเหมือนไร้ผล ไม่ได้หมายความว่าเราควรล้มเลิก เพราะความสำเร็จคือการทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่ย่อท้อ แต่ยังคงมุ่งมั่นหาทางแก้ไขต่อไป

ความผิดพลาดคือเหตุการณ์ ไม่ใช่ตัวคน อย่ามองว่าตัวเองผิดพลาด ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว เราแค่ยังทำไม่สำเร็จ ความผิดพลาดคือการได้เรียนรู้ การเติบโต มองความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ

ต้องรู้จักภูมิใจที่ได้เรียนรู้จากความผิดพลาดนับหมื่นครั้ง เพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คน

I have not failed. I’ve just found 10,000 ways that won’t work.—Thomas Edison

Comfort zone
All progress takes place outside the comfort zone.—Michael John Bobak

มันยากที่เราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นถ้าเรายังทำตัวสบายๆ แบบเดิม ถ้าเราทำแต่สิ่งเดิมๆ ทุกวัน ถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลง เราก็จะไม่เติบโต

บางคนมองว่ามันคือการเปลี่ยนไปทำเรื่องที่ท้าทาย เรื่องยากๆ ต้องออกไปผจญภัย เสี่ยงอันตราย แต่จริงๆ แล้วมันคือการเปลี่ยนสิ่งที่เรา           

วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2562




เกิดอะไรขึ้นบ้างในแต่ละคืนที่เรานอนหลับ ร่างกายเรามีปุ่ม Shutdown เหมือนคอมพิวเตอร์หรือเปล่า ถ้าไม่มีแล้วเราเปลี่ยนไปอยู่ในภาวะหลับได้ยังไง เรามาทำความเข้าใจวงจรของการนอนหลับ ประโยชน์ของการนอนและความฝันกันดีกว่า sbobet แจก เครดิต ฟรี


บันทึกการอ่าน ข้อคิดดีๆ
รู้จักปุ่ม Shutdown หรือสวิตซ์ที่ทำให้เราหลับ
รู้จักระยะการนอนทั้ง 2 แบบ REM และ SW (หรือ non-REM)
ความฝันช่วยให้เราจัดการกับอารมณ์ ทำให้เราเข้าใจอารมณ์และจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนกลางวันได้ดีขึ้น
เราฝันเป็นประจำ บางครั้งเราก็จำไม่ได้ ความฝันที่ชัดเจน เรามักจะจำได้ง่าย
การนอนหลับ
เราใช้เวลาไปกับการนอนหลับถึง 1 ใน 3 ของเวลาทั้งหมด ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะเรียนรู้ว่า มันเกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วงเวลาที่เราหลับ

ลองนึกถึงครั้งล่าสุดที่เรานอนหลับสนิท มันทำให้เรารู้สึกดี แต่รู้ไหมว่าทำไมเราจึงรู้สึกดีที่ได้นอนหลับสนิท การนอนหลับมีผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจเรา เราต่างก็เคยเจอ เวลาที่เรานอนไม่หลับ หลับไม่ลง ฝันร้าย มันทำให้เราเหนื่อย ทำให้รู้สึกไม่ดี การได้นอนหลับลึก หลับสนิท เป็นเรื่องที่สำคัญ มันทำให้เราผ่อนคลาย คนที่นอนหลับไม่สนิท หลับไม่เต็มที่ ไม่เคยหลับลึก คนที่นอนหลับไม่เพียงพอ มักจะหงุดหงิดง่ายกว่าคนทั่วไป เช่น คนที่ทำงานกะกลางคืน และนอนตอนกลางวัน มักจะไม่ได้หลับลึก ผลที่เกิดขึ้นคือจะมีความเครียดสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ

วิทยาศาสตร์ด้าน Neuroscience ทำให้เรารู้ว่า การนอนหลับไม่ใช่แค่ช่วงเวลาที่เราได้พักและฟื้นฟูร่างกาย แต่มันยังเติมพลังใจให้เราด้วย ช่วยพัฒนาการเรียนรู้และช่วยให้เราจดจำข้อมูลได้ดีขึ้น ทำให้เรามีภูมิต้านทานต่อโรคซึมเศร้าและช่วยป้องกันไม่ให้เราอ้วนได้ด้วย

สวิตซ์ที่ทำให้หลับ
ในปี 2001 นักวิจัยเรื่องการนอนหลับจาก Harvard University ได้ค้นพบกลุ่มของ Neuron ในสมองส่วน Hypothalamus ซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุมกระบวนการเมตาบอลิซึม ควบคุมความหิวและอุณหภูมิในร่างกาย และเรียกมันว่าสวิตซ์ที่ทำให้เราหลับ maxbet

ร่างกายมนุษย์เรามีกระบวนการทางเคมีที่มีผลต่อการนอนหลับ ทำงานแยกขาดจากกันในช่วงกลางวันที่เราตื่นและกลางคืนที่เราหลับ โดยมันจะปรับให้เรานอนน้อยลงหรือนอนมากขึ้น เพื่อทำให้เกิดความสมดุล ในตอนกลางวันปริมาณสารเคมี Adenosine Triphosphate (ATP) ในร่างกายจะค่อยๆ ลดน้อยลง ทำให้เรารู้สึกเพลียและง่วงนอน ส่วนในตอนกลางคืนระหว่างที่เราหลับ ก็จะมีสารเคมีอื่นๆ ที่ค่อยๆ เพิ่มปริมาณมากขึ้น จนถีงระดับที่ทำให้เราตื่นนอนได้

ในภาวะที่ Neuron เริ่มหยุดการทำงาน ช่วงเวลาเดียวกันกับที่เราเริ่มหลับ เราจะเรียกกระบวนการที่เกิดในช่วงนั้นว่า Hypnagonia ส่วนการเปลี่ยนสภาวะตอนที่กำลังจะตื่นนอน ก็จะมีชื่อเรียกว่า Hypnopompia

ในช่วงระหว่างการเปลี่ยนสภาวะ เรามักจะเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนกลางวัน บางครั้งเราจะมองเห็นรูปร่างต่างๆ ในความฝัน หรือบางครั้งเราจะรู้สึกว่ากำลังลอย หรือกำลังตกลงไปข้างล่าง

อย่างที่ Jean-Luc Nancy นักปรัชญาฝรั่งเศสกล่าวไว้ว่า ความฝันเป็นเวลาที่ทำให้เราได้ค้นพบ ได้สัมผัสกับโลก ทำให้เรามีโอกาสที่จะเข้าถึงมิติอื่นๆ หรือความที่อาจจะเป็นจริงทั้งหลาย

Salvador Dalí ศิลปินชาวสเปน ใช้ประโยชน์และได้แรงบันดาลใจจากความฝัน สำหรับสร้างผลงานภาพวาด

Thomas Edison เองก็เคยใช้เทคนิคเดียวกันนี้เพื่อแก้ปัญหา โดยการนอนพักในตอนกลางวัน และกำลูกเหล็กไว้ในมือ หลังจากที่เค้าเริ่มหลับไป มือจะผ่อนคลายทำให้ลูกเหล็กหลุดและตก และปลุกให้เค้าตื่นขึ้นมา เค้าคิดว่าจะตื่นมาพร้อมกับวิธีแก้ปัญหา หรือไอเดียใหม่ๆ

ระยะการนอน REM และ SW (หรือ non-REM)
การนอนหลับมีอยู่ 2 ระยะคือ Rapid Eye Movement (REM) กับ Slow-wave (SW) หรือ Non-rapid Eye Movement (non-REM) ซึ่งเกิดขึ้นสลับกันไปมา 5-6 รอบในแต่ละคืน โดยเฉลี่ยรอบละ 90 นาที

เราจำแนกการนอนหลับทั้งสองระยะตามลักษณะของการตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอกและความสามารถในการตื่นขึ้นมา และลักษณะเหล่านี้ทำให้เราแยกการนอนทั้งสองแบบออกจากอาการโคมาได้

การนอนหลับแบบ REM ได้ชื่อมาจากการที่ตาเคลื่อนที่ไปมาในระหว่างที่เราหลับ เป็นการนอนที่ตื่นตัวที่สุด ก็เลยทำให้สมองร้อนมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องอาศัยการนอนในระยะอื่นเพื่อช่วยทำให้สมองเย็นลง ในช่วงการนอนแบบ REM เรามักจะฝันแบบเหนือธรรมชาติ และเรามักจะจำความฝันนั้นได้

นอกจากนั้นเรายังใช้ช่วงเวลาการนอนหลับแบบ REM เพื่อเรียนรู้ Antti Revonsuo และ Patrick McNamara นักวิทยาศาสตร์ด้าน Neuroscience ได้ให้มุมมองต่อการหลับเอาไว้ โดย Revonsuo มองว่าการที่เราฝันถึงซึนามิ การหนีตาย เป็นวิธีที่เราเรียนรู้และฝึกซ้อมเพื่อเอาตัวรอด ส่วน McNamara ก็มองว่าความฝันในช่วง REM มักจะเป็นภาพที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้

ความฝันสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกระยะของการหลับ ที่เราหลับ แต่ฝันจะชัดเจนมากในระยะ REM เพราะอารมณ์ของเราจะเข้ามาเกี่ยวข้องในระยะนี้ ในช่วงนี้สมองในส่วน Prefrontal Cortex เกือบจะหยุดการทำงานทั้งหมด ดังนั้น ความฝันของเราจึงมักจะแปลกประหลาด และมักจะไม่เป็นเหตุเป็นผล

การหลับแบบ REM ที่เกิดในช่วงแรกๆ จะสั้นประมาณ 10 นาที และความฝันของเรามักจะเกี่ยวข้องกับอารมณ์ในตอนนั้น แต่ REM ในครั้งหลังๆ จะเกิดนานถึงชั่วโมง และความฝันที่เกิดขึ้นมักจะเกี่ยวข้องกับความทรงจำระยะยาว

สมองส่วน Cortex ที่ยังทำงานในช่วงที่เราหลับ จะเชื่อมต่อกับ Amygdala ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบ Limbic ที่ควบคุมสัญชาติญาณการสู้หรือหนี โชคดีที่ในช่วง REM ร่างกายเราไม่สามารถขยับได้ ทำให้เราไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งที่เราฝัน

ส่วนการนอนหลับแบบ SW เป็นช่วงที่เราหลับลึก คลื่นสมองช้าลงและสูงขึ้น สมองทำงานสอดคล้องเป็นอย่างดี และยากที่จะปลุกให้ตื่น การนอนในช่วง SW เป็นเวลาที่เราหลับและร่างกายได้ฟื้นฟู และเป็นช่วงที่ร่างกายเราเผาผลาญไขมัน นี่คือเหตุผลว่าทำไมคนที่นอนหลับไม่เพียงพอจะทำให้อ้วนได้

ในช่วงการหลับแบบ SW เราจะฝันแบบไม่ปะติดปะต่อและไม่ค่อยมีความหมาย

ในคนที่วัย 50 ขึ้นไป ช่วงเวลาการนอนหลับแบบ SW จะลดน้อยลง มีคนกลุ่มนี้มากถึง 1 ใน 4 ที่แทบจะไม่ได้นอนหลับแบบ SW เลย นี่อาจเป็นปัจจัยหนึ่งของการแก่ตัวลง เช่น ทำให้ความแข็งแรงของกล้ามนื้อลดลง ไขมันในร่างกายมีมากขึ้น ผมบาง อ้วนขึ้น เหนื่อยล้า ความจำไม่ดีและระบบภูมิคุ้มกันทำงานแย่ลง ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องนอนหลับให้เพียงพอ

การนอนหลับช่วง SW ช่วยให้เราเก็บบันทึกความทรงจำ โดยการทบทวนข้อมูลที่เราเรียนรู้ในแต่ละวัน ในขณะที่การนอนในช่วง REM จะประมวลผลความจำเหล่านั้นรวมเข้ากับข้อมูลที่เรารู้อยู่แล้ว นักวิจัยเรียกมันว่า การรวมความทรงจำ ถ้าความทรงจำ หรือ Neuron ที่เราไม่ค่อยได้ใช้บ่อยๆ การเชื่อมต่อกันของ Neuron ก็จะลดน้อยลง และถ้าสมองของเราดึงความทรงจำของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นกลับมา มันก็จะเริ่มที่จะสร้างความทรงจำใหม่อีกครั้ง และการเชื่อมต่อกันของ Neuron ก็จะมากขึ้น  นั่นคือในช่วงเวลาที่เราหลับ ความทรงจำระยะสั้นจะย้ายไปเก็บอยู่ในความทรงจำระยะยาว

ขั้นตอนการสร้างความทรงจำนี้ ค้นพบโดย Matthew Walker โดยการทดลองกับหนู เค้าฝึกให้หนูวิ่งหาทางออกจากทางวกวน และบันทึกผลคลื่นสมองในระหว่างที่หนูนอน ซึ่งเป็นช่วงที่หนูเรียนรู้ ผลการสแกนสมองของหนูในตอนที่วิ่งเปรียบเทียบกับในขณะที่นอนหลับ พบว่ามีคลื่นสมองที่ตรงกัน และเป็นกลุ่ม Neural Network ที่ทำงานส่งสัญญาณแบบเดียวกันกับตอนที่หนูวิ่ง ตอนนั้นหนูอาจจะฝันว่ากำลังวิ่งหาทางออกอยู่ก็เป็นไปได้

นอกจากนั้นเค้ายังพบว่า หลังจากที่หนูได้นอนหลับพักผ่อน มันก็จะวิ่งหาทางออกได้ดีขึ้น สมองของมนุษย์เราก็ทำงานคล้ายกับหนู เราจดจำข้อมูลได้ดีขึ้นหลังจากที่ได้นอนหลับ เราตื่นขึ้นมาแล้วสามารถแก้ปัญหาได้ดีขึ้น และนั่นจึงเป็นที่มาของคำแนะนำ ที่ให้นักเรียนงีบ หลังจากจบชั่วโมงเรียน เพื่อช่วยให้เรียนรู้ได้ดีขึ้น

ความฝัน อารมณ์
การนอนหลับยังช่วยให้เราจัดการกับอารมณ์ได้ดีขึ้น โดยการทดลองของ Rosalind Cartwright คนเขียนหนังสือเรื่อง The Twenty-Four Hour Mind เค้าทดลองและบันทึกความฝันของ กลุ่มคนที่ผ่านการหย่าร้างมา โดยที่ครึ่งหนึ่งของคนเหล่านั้นมีอาการซึมเศร้า สิ่งที่พบคือในกลุ่มคนที่จำความฝันได้มักจะเป็นกลุ่มที่ฝันเป็นระยะเวลานานและเป็นฝันที่ซับซ้อนมากกว่า ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่มีผลต่ออารมณ์ กลุ่มคนเหล่านี้สามารถฟื้นฟูและมีอาการดีขึ้นมากกว่ากลุ่มคนที่ฝันเป็นระยะสั้นๆ หรือจำความฝันไม่ได้เลย

ความฝันช่วยให้เราจัดการกับอารมณ์ที่ค้าง อารมณ์ที่เราไม่เข้าใจ ไม่รู้จะทำยังไงกับมัน ความฝันทำให้เราเห็นมุมมองใหม่ๆ และทำให้เราเข้าใจอารมณ์และจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนกลางวันได้ดีขึ้น

เราจะนำอารมณ์ที่ค้างนั้นเก็บไปคิดไปฝันด้วย เวลาที่ใจเรายังยึดติดอยู่กับอารมณ์นั้น ใจเรายังพยายามแก้ไข มันช่วยให้เราเข้าใจอารมณ์นั้น เช่น เวลาเราเครียด จากการที่คนอื่นตำหนิเรา พูดจาไม่ดีกับเรา หรือมีคนมาพูดดูถูกเรา วิจารณ์รูปร่างที่อ้วน อารมณ์พวกนั้นมันจะค่อยๆ ลดน้อยลงหลังจากที่เราได้นอนหลับ

ความฝันนำเอาประสบการณ์และปัญหาทางอารณ์ที่เกิดขึ้นตอนกลางวัน ออกมาฉายซ้ำอีกครั้ง ช่วยให้เราจัดการกับอารมณ์ ปรับอารมณ์ของเราในตอนหลับ บางคนพยายามค้นหาความหมายของความฝัน ค้นหารูปแบบ เชื่อมโยงไปกับอนาคต ความหมายลึกๆ แต่ความฝันเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้เราจัดการกับเรื่องราวชีวิตที่เกิดขั้นในตอนกลางวันของเรา

ตอนที่เราฝัน เราเรียบเรียง ประเมินเหตุการณ์ที่เกิดขี้นทั้งวัน เชื่อมโยงสิ่งที่เหมือน ที่คล้ายกันกับประสบการณ์ที่เก่ากว่า และกรองให้เหลือแต่ข้อมูลที่สำคัญที่ควรจะเก็บไว้ในความทรงจำ ข้อมูลเหล่านี้นี่เองที่มันตรงกับประสบการณ์ทางอารมณ์ในอดีต ทำให้เราฝันเห็นภาพ ซึ่งมันก็คือภาพความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลใหม่นั่นเอง

เช่น ถ้าเราทะเลาะกับเพื่อนในตอนกลางวัน เราอาจจะเก็บไปฝันในตอนกลางคืน และเราจะย้อนกลับไปเจอประสบการณ์เก่าในความฝัน ค้นหาประสบการณ์ที่เก่ากว่าที่ใกล้เคียงกัน เหตุการณ์ที่ทำให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกเดียวกัน  และมันจะช่วยให้เราเข้าใจความหมายของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เข้าใจอารมณ์ด้านลบ ทำให้เราตื่นขึ้นมาพร้อมกับความคิดในแง่บวก มุมมองในแง่บวกได้

ความฝันมีผลต่อโลกในตอนกลางวันของเรา มันสร้างมุมมองต่อชีวิตของเรา ชี้นำพฤติกรรมของเรา และให้เราเข้าใจความเป็นตัวของเราเอง

ความเป็นตัวตนของเรา ถูกสร้างขึ้นจากความคิดเราเอง เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเจอเหตุการณ์ และเรามีอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์ใหม่ๆ ที่กระทบกับอารมณ์ของเรา มันจะไปเสริมโครงสร้างทางความคิดเดิม หรือมันอาจจะไปท้าทายกรอบโครงสร้างความคิดเก่า นั่นคือเราจะเปลี่ยนแปลงตัวตนของเราไป ผ่านขั้นตอนของการจัดการกับอารมณ์ในความฝัน

สมองเราประมวลผลข้อมูลแตกต่างกันในตอนตื่นและตอนหลับ สิ่งที่เราพบในความฝันจะต่างกับที่เจอในชีวิตจริง นั่นเพราะสมองเราประมวลผลข้อมูลและความทรงจำแตกต่างกัน

ในช่วงที่เราตื่น สมองเราได้รับสัญญาณและตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมโดยอัตโนมัติ เหตุผลที่เป็นแบบนี้เพราะว่า ถ้าเราต้องคิด ต้องตัดสินใจทุกครั้ง ถึงแม้จะเป็นเรื่องพื้นฐานหรือเรื่องง่ายๆ เราจะใช้พลังงานเกินความจำเป็น และจะเกิดความเครียดมากขึ้น มากเกินกว่าที่ร่างกายจะรับไหว ดังนั้นในระหว่างที่เราตื่น เราจำเป็นต้องอาศัยจิตใต้สำนึกทำงาน เพื่อให้เรามีสมาธิและใช้พลังงานไปกับสิ่งสำคัญมากกว่า

แต่ในตอนที่เราหลับ สมองเราจะประมวลผลข้อมูลในปริมาณน้อยกว่า ทำให้เราจัดการกับอารมณ์ โดยมุ่งไปยังเหตุการณ์ที่สำคัญที่เกิดขึ้นและปล่อยที่เหลือทิ้งไป

มีใครบ้างที่ไม่เคยฝัน
ความฝันเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ เรามักจะฝัน 4-6 ครั้งในแต่ละคืน ดังนั้นคำถามจึงไม่ใช่ว่า เราฝันหรือเปล่า แต่เป็น เราจำความฝันได้หรือเปล่า

ความสามารถในการจำความฝันเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนแตกต่างกัน รวมถึงระยะเวลาที่เราหลับด้วย ครึ่งหนึ่งของความฝันเรามักจะลืมมันไปในช่วง 5 นาทีหลังจากที่เราตื่นนอน และเกือบๆ 90% ของความทรงจำเกี่ยวกับความฝันจะหายไปหลังจาก 10 นาที และความทรงจำเ

วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2562

คณิตศาสตร์สู่ตลาดแรงงานไทย

   เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา และเป็นประเทศที่กำลังเข้าสู่ยุคที่เรียกว่า ยุค 4.0 ข้อมูลสำคัญอย่างหนี่งที่ทุกคนควรรับรู้ก็คือ ในขณะที่อนาคตประเทศของเรากำลังจะขับเคลื่อนไปด้วยนวัตกรรม อุตสาหกรรม ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมคือยุคของเกษตรกรรม นั่นหมายความว่า ในอดีตที่เป็นยุคเกษตรกรรม เราคงไม่ขาดแคลนแรงงาน เพราะประชาชนคนไทยส่วนใหญ่เติบโตและประกอบอาชีพมากับวิถีทางการเกษตรอย่างที่เราทราบกันดี แต่ในอนาคตที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นนวัตกรรม อุตสาหกรรม เรากลับพบว่า แรงงานที่ยังขาดแคลนอยู่ คือ แรงงานสายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรืออยู่ในกลุ่ม STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์) เช่ารถ
9088 1
ภาพ การทำงานแต่ละอย่างล้วนมีคณิตศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง
ที่มา https://pixabay.com , ArtsyBee
    ในบทความนี้อยากสะท้อนให้เห็นเพียงหนึ่งใน 4 ของวิชาหลัก คือวิชาคณิตศาสตร์ เพราะเป็นวิชาที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเป็นพื้นฐานของวิชาที่เหลือ นั่นทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่า คณิตศาสตร์เป็นกลไกหรือปัจจัยสำคัญอันดับต้น ๆ ที่จะทำให้ตลาดแรงงานไทย มีแรงงานที่มีพื้นฐานที่ดีด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
    และนั่นเป็นสาเหตุสำคัญที่เราทุกคนควรให้ความสำคัญกับวิชานี้ ถึงแม้ว่าเราจะโตเป็นผู้ใหญ่วัยทำงานแล้วก็ตาม สำหรับเด็กการเตรียมความพร้อมความรู้พื้นฐานในด้านดังกล่าว ก็ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ชีวิตการทำงานในอนาคตได้ คำแนะนำสำหรับผู้ใหญ่ คือควรมุ่งหางานสำคัญที่กำลังทำอยู่และเกี่ยวข้องกับการใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์และเทคโนโลยี มาเป็นแรงผลักดันในการเรียนรู้เพื่อพัฒนาต่อไป
    แน่นอนยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น หากเราประกอบอาชีพค้าขาย เราก็คงต้องทำบัญชีรายรับรายจ่าย บัญชีคลังสินค้า ซึ่งก็ต้องใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์อย่างแน่นอน  สิ่งที่เราควรทำคือ การหาความรู้เกี่ยวกับหลักการคำนวนที่เกี่ยวข้อง ในเรื่องเฉพาะทางอย่างลึกซึ้งที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณราคา ต้นทุน กำไร เปอร์เซ็นต์ ภาษี เป็นต้น และควรเรียนรู้ที่จะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่นการเรียนรู้ทักษะการใช้งานโปรแกรมสำเร็จรูปที่เป็นลักษระตารางคำนวณมาช่วย (Microsoft Excel) ในการบันทึกจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลนั่นเอง
     นี่คือตัวอย่างสำคัญที่ทำให้เห็นว่า คณิตศาสตร์มีความสำคัญอย่างมากที่จะพัฒนาตลาดแรงงานไทย ในงานด้านการตลาดดิจิทัล ไอที บัญชี และวิศวกรรม ที่เน้นการเรียนด้านคำนวณ การคิดวิเคราะห์เป็นหลัก และที่สำคัญมากที่สุดในยุค 4.0  คือแรงงานอุตสาหกรรมการผลิต อย่างกลุ่มของกลุ่ม Original equipment manufacturer (OEM) และ Assembly Industries, กลุ่ม Resource-based industries และธุรกิจบริการก่อสร้าง และค้าปลีก
    ทั้งนี้แรงงานสายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ขาดแคลนแล้ว ก็ยังขาดแรงงานด้านภาษาอังกฤษ และความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย การปรับตัวโครงสร้างการศึกษาขั้นพื้นฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ของประเทศ ที่อยากฝากผู้อ่านให้ร่วมด้วยช่วยกันผลักดันให้ประสบผลสำเร็จ
แหล่งที่มา
SARA BAD. อนาคตตลาดแรงงานไทย ในยุค 4.0.สืบค้นเมื่อ 20 ตุลาคม 2561. จาก www.ispacethailand.org/สังคม/16446.html
ธนาคารแห่งประเทศไทย. ตลาดแรงงานไทย ค่าจ้าง และนัยต่อนโยบายเศรษฐกิจมหภาค. สืบค้นเมื่อ 20 ตุลาคม 2561. จาก https://www.bot.or.th/Thai/MonetaryPolicy/ArticleAndResearch/DocumentEconomicSeminar/ThaiLabour_23Mar12.pdf